2010-11-28

P.Human Rights Watch

Kanj Love ジャスミン
(New York) - Thai authorities are using emergency powers to violate fundamental rights and obstruct efforts to bring abusers to justice six months after violent clashes between anti-government groups and government security forces, Human Rights Watch


Friday at 8:50pm ·  ·  · Share
Kanj Love ジャスミン

Kanj Love ジャスミン และแล้วข่าวลือก็กลายเป็นจริง - คาด BIGC รับประโยชน์เต็มที่หลังซื้อคาร์ฟูร์
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/NewsUpdate/tabid/89/newsid491/129458/Default.aspx

Friday at 8:48pm ·  · 

  • Zuu Ling likes this.

    • Kanj Love ジャスミン 
      การเข้าซื้อคาร์ฟูร์ BIGC อาจกระทบกำไรระยะสั้น แต่ส่งผลบวกระยะยาว
      โดยปี 2554 BIGC จะมุ่งไปที่การปรับและบริหารจัดการสาขาของ Carrefour แทนการเปิดห้างใหม่ แต่ยังคงเน้นการเปิดสาขาขนาดเล็กควบคู่ไปด้วย จึงปรับคำแนะนำขึ้นจาก Neutral เป็น Outperform ...See More

      Friday at 8:49pm · 

    • Kanj Love ジャスミン 
      ปิดดีลคาร์ฟูร์ บิ๊กซี ฮุบทางยุทธศาสตร์
      http://www.thannews.th.com/index.php?option=com_content&view=article&id=48140%3A2010-11-22-11-41-26&catid=203%3A2010-09-22-07-14-54&Itemid=535&sms_ss=twitter&at_xt=4cec833c8c013756%2C0


      ขาย กิจการในไทยซึ่งมีสาขาทั้งสิ้น 42 แห่งให้กับ บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ แล้วในราคา 868 ล้านยูโร เคาะเป็นเงินไทยก็ราวๆ 3.5 หมื่นล้านบาท

      Friday at 9:54pm · 
Kanj Love ジャスミン

Kanj Love ジャスミン พบรูปแบบใหม่กับ Hat Yai Ice Dome (สัมผัสกับอากาศหนาวเย็น อุณหภูมิติดลบ 30 องศาเซลเซียส ต้นตำรับจากเมืองฮาร์บิน สาธารณรัฐประชาชนจีน)



Friday at 8:46pm ·  ·  · Share


    • Kanj Love ジャスミン 
      เทศบาลนครหาดใหญ่ ร่วมกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จัดงานเทศกาลโคมไฟสีสันเมืองใต้ ครั้งที่ 5 (Lantern Festival) ซึ่งในปีนี้ท่านจะได้พบกับสีสันยามค่ำคืนกับ 11 สิ่งมหัศจรรย์โคมไฟ พิเศษสุดกับโคมไฟ มหัศจรรย์โลกน้ำแข็ง Hatyai Ice dome ที่ทุกท่านจะได้สัมผัสกับความตระการตากับสุดยอดประติมากรรมน้ำแข็งฝีมือช่างระดับโลกจากเมืองฮาร์บิน สาธารณรัฐประชาชนจีน ในอุณหภูมิติดลบ 15 องศาเซลเซียส

      สำหรับในปีนี้งานเทศกาลโคมไฟสีสันเมืองใต้ ครั้งที่ 5(Lantern Festival) จัดขึ้นระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน 2553 -28 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา 17.00-23.00 น. ณ สวนสาธารณะเทศบาลนครหาดใหญ่ เพื่อให้ทุกท่านได้สัมผัสกับสีสันยามค่ำคืนของ 11 มหัศจรรย์โคมไฟสีสันต่างๆ และพิเศษสุดกับโคมไฟน้ำแข็งโฉมใหม่ มหัศจรรย์โลกน้ำแข็ง Hatyai Ice Dome ที่จะจัดแสดงตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2553 -30 เมษายน 2554 โดยจะจัดแสดงในรูปแบบมหัศจรรย์โลกน้ำแข็ง ที่นำเอาพืชพรรณไม้ ไม้ดอกเมืองหนาว สัตว์โลกน้ำแข็ง มาจัดแสดงควบคู่กับการจัดแสดงโคมไฟน้ำแข็งที่แกะสลักโดยช่างแกะสลักน้ำแข็งชาวจีนฝีมือระดับโลก เพื่อสร้างความประทับใจให้กับประชาชนอีกครั้ง

      http://www.hatyaicity.net/?p=164

      Friday at 8:53pm · 
Kanj Love ジャスミン
สงครามเงินตรา การเงินระลอกใหม่ของอเมริกา


โดย เกษียร เตชะพีระ มติชน วันที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553


นับแต่ธนาคารกลางสหรัฐ (The Federal Reserve - FED) ดำเนินมาตรการ Quantitative Easing (QE) 1 หรือการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบแรกเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอเมริกันให้ฟื้นหลังวิกฤตซับไพรม์และภาวะเศรษฐกิจถดถอยใหญ่ (กล่าวอย่างเฉพาะเจาะจงคือคณะกรรมการตลาดการเงินแห่งธนาคารกลางสหรัฐ หรือ the Federal Open Market Committee - FOMC เป็นผู้ดำเนินโครงการซื้อสินทรัพย์ขนานใหญ่ หรือ Large Scale Asset Purchase Program) ระหว่าง 25 พฤศจิกายน ค.ศ.2008 ถึงเดือนมีนาคมศกนี้ เฟดได้กว้านซื้อพันธบัตรกระทรวงการคลังสหรัฐและหลักทรัพย์คุณภาพสูงอื่นๆ จากตลาดไปรวมทั้งสิ้นประมาณ 1.75 ล้านล้านดอลลาร์ แล้ว

("Fed Gets Ready to Pump $600 Billion More Into US Economy", VOANews.com, 4 November 2010, www.voanews.com/learningenglish/home/Fed-Gets-Ready-to-Pump-600-Billion-Into-Economy-106730573.html)

แบ่งคร่าวๆ เป็นพันธบัตรของกระทรวงการคลังสหรัฐ 3 แสนล้านดอลลาร์+ตราสารหนี้ของ Fannie Mae และ Freddie Mac (บรรษัทสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่รัฐบาลอเมริกันถือหุ้นใหญ่) 1.5 แสนล้านดอลลาร์+ตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อจำนองที่อยู่อาศัยหนุนหลัง (MBS) ซึ่งให้อัตราดอกเบี้ยคงที่และค้ำประกันโดย Fannie Mae, Freddie Mac และ Ginnie Mae (บรรษัทของรัฐทำหน้าที่บริหารจัดการ MBS เพื่อช่วยเหลือผู้ซื้อ-ผู้เช่าที่อยู่อาศัยรายได้ต่ำ-ปานกลาง) อีก 1.1 ล้านล้านดอลลาร์+อื่นๆ

เหล่านี้ทำให้ยอดสินทรัพย์ของเฟดเพิ่มขึ้นเป็นราว 2.6 ล้านล้านดอลลาร์ ในนี้รวมทั้งราว 1/5 ถึง 1/4 ของยอด MBS ค้างชำระที่ค้ำประกันโดยกระทรวงการคลังและหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐอื่นๆ ทั้งหมด

ส่งผลให้ฐานเงินของเศรษฐกิจอเมริกัน (monetary base หมายถึงยอดรวมสินทรัพย์การเงินที่เป็นสภาพคล่องของประเทศ ประกอบด้วยธนบัตรและเหรียญที่ชาวบ้านจับจ่ายใช้สอยหมุนเวียนอยู่ในระบบ, และที่เก็บไว้ตามตู้นิรภัยของธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินต่างๆ, รวมทั้งเงินสดสำรองที่ธนาคารพาณิชย์ถูกกำหนดให้ต้องฝากไว้กับธนาคารกลางด้วย) ขยายตัวจาก 8.3 แสนล้านดอลลาร์ เมื่อเดือนธันวาคม ค.ศ.2007 -> ราว 2.4 ล้านล้านดอลลาร์ ในปีปัจจุบัน ซึ่งในจำนวนนี้ ยอดเงินฝากที่สถาบันเงินฝากทั้งหลายฝากไว้ที่ธนาคารกลางสหรัฐ ก็เพิ่มขึ้นจาก 1-1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ เมื่อ ธันวาคม 2007 -> ราว 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ ด้วยเช่นกัน (James Bullard, "Quantitative Easing : Uncharted Waters for Monetary Policy", The Regional Economist, January 2010, www.stlouisfed.org)

แล้วมาตรการ QE2 ล่าสุดของเฟดที่ประกาศจะปั๊มเงินเข้าสู่เศรษฐกิจสหรัฐเพิ่มอีก 6 แสนล้านดอลลาร์ เมื่อ 3 พฤศจิกายนศกนี้ จะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐที่ชักแผ่วลงให้กระเตื้องขึ้นจริงหรือ?

เกี่ยวกับเรื่องนี้ โจเซฟ สติ๊กลิทซ์ นักเศรษฐศาสตร์อเมริกันผู้ได้รางวัลโนเบลเศรษฐศาสตร์ปี ค.ศ.2001 และวิพากษ์วิจารณ์แนวนโยบายโลกาภิวัตน์เสรีนิยมใหม่ของอเมริกามาตั้งแต่ครั้งวิกฤตต้มยำกุ้ง ค.ศ.1997 เคยวิเคราะห์ไว้เมื่อหนึ่งเดือนก่อนว่า : -

ดังนั้น เงินที่อัดฉีดมันจะไม่เข้าไปสู่เศรษฐกิจอเมริกันหรอกครับ เอาเข้าจริงระดับการปล่อยกู้ในอเมริกาตอนนี้ต่ำกว่าเมื่อปี ค.ศ.2007 ด้วยซ้ำไป ในเศรษฐกิจโลกาภิวัตน์น่ะ เงินจะมองหาที่ๆ ดีที่สุดที่จะไป แล้วมันเจอที่ดีที่สุดตรงไหนล่ะ? ก็ในประเทศตลาดเกิดใหม่น่ะซี ดังนั้น เรื่องตลกร้ายก็คือเงินที่ตั้งใจไว้ว่ามันจะจุดเศรษฐกิจอเมริกันให้ลุกติดพรึ่บขึ้นมาใหม่กลับไปก่อความฉิบหายวายป่วงขึ้นทั่วโลก คนที่อื่นในโลกเขาพากันพูดว่าสิ่งที่สหรัฐกำลังพยายามทำนั้นเป็นนโยบาย "สูบเพื่อนบ้านให้จนกรอบ" ที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของเหตุเศรษฐกิจตกต่ำใหญ่ทั่วโลก (เมื่อคริสต์ทศวรรษที่ 1930) แล้วเอามาปรับโฉมใหม่ในแบบคริสต์ศตวรรษที่ 21 กล่าวคือ คุณเสริมตัวเองให้แข็งแกร่งโดยทำร้ายคนอื่น ทุกวันนี้คุณดำเนินนโยบายคุ้มครองเศรษฐกิจการค้า (protectionism) แบบเก่าโดยขึ้นพิกัดอัตราภาษีไม่ได้แล้ว แต่ที่คุณทำได้ก็คือลดอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราของคุณลง และนั่นแหละคือสิ่งที่อัตราดอกเบี้ยต่ำกำลังพยายามทำ คือทำให้ดอลลาร์อ่อนค่าลง สภาพคล่องที่ไหลท่วมทะลักออกไปต่างประเทศกำลังพยายามผลักดันอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราในต่างประเทศให้สูงขึ้น และพวกชาวต่างประเทศเขากำลังพูดว่า "เราปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนั้นไม่ได้"

("Nobel Laureate Joseph Stiglitz : Foreclosure Moratorium, Government Stimulus Needed to Revive US Economy", Democracy Now!, 20 October 2010)

ผู้นำประเด็นของสติ๊กลิทซ์ไปอธิบายขยายความได้ตรง-คม-แรง-และชัดได้แก่ ไมเคิล ฮัดสัน อดีตนักเศรษฐศาสตร์วอลล์สตรีท ที่ผันตัวเองมาเป็นศาสตราจารย์วิจัยดีเด่นด้านเศรษฐศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยมิสซูรี ณ แคนซัสซิตี้ สหรัฐอเมริกา และประธานสถาบันเพื่อการศึกษาแนวโน้มเศรษฐกิจระยะยาว ผู้เขียนหนังสือ Super Imperialism : The Economic Strategy of American Empire (ค.ศ.1972, พิมพ์ครั้งที่สอง ค.ศ.2003) เขาได้ให้สัมภาษณ์รายการทีวี Democracy Now! เรื่องนี้เมื่อ 5 พฤศจิกายน ศกนี้ (ดู www.democracynow.org/2010/11/5/new_600b_fed_stimulus_fuels_fears) ว่า : -

ผู้สัมภาษณ์ 1 : ทำไมถึงเรียกว่าสงครามล่ะคะ?

ไมเคิล ฮัดสัน : เป้าหมายของสงครามก็เพื่อยึดแผ่นดิน, วัตถุดิบและสินทรัพย์ของประเทศหนึ่ง แล้วรวบมันไว้ในกำมือ ในอดีต เขาทำกันด้วยการรุกรานทางทหาร แต่ทุกวันนี้ คุณทำได้ด้วยการเงินโดยแค่สร้างเครดิตขึ้นมาซึ่งก็คือสิ่งที่ธนาคารกลางสหรัฐทำนั่นเอง เฟดสร้างเครดิตขึ้นมา 6 แสนล้านดอลลาร์ แต่เงินก้อนนี้ไม่ได้เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจหรอกนะ ประธานเฟดมีสมญานามว่า "เฮลิคอปเตอร์ เบ็น" เพราะเขาพูดเรื่องโปรยเงินใส่ระบบเศรษฐกิจ แต่ถ้าคุณเห็นเฮลิคอปเตอร์เข้าละก็ มันคงไม่ใช่เป็นเพื่อนคุณหรอก อย่าเสียเวลาออกไปรอมันโปรยเงินให้เลย เพราะเงินนั่นมันตรงรี่ไปเข้าธนาคารต่างๆ ผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมดนั่นแหละ

เฟดบอกว่าเราต้องการทุ่มเงินให้ธนาคารมากมายมหาศาลเสียจนกระทั่งธนาคารพวกนั้นยอมปล่อยกู้เพื่อที่พวกคุณจะได้เริ่มประมูลอสังหาริมทรัพย์กันใหม่ให้ราคามันขึ้นไปอีกและดึงธนาคารทั้งหลายให้พ้นจากหล่มหุ้นอสังหาฯติดลบที่มันจมปลักอยู่ตอนนี้ ฉะนั้น เป้าประสงค์ตามที่เฟดบอกก็คือ ขึ้นราคาอสังหาริมทรัพย์ ให้ราคาสินทรัพย์มันเฟ้อขึ้น

แต่เป้าที่ว่าน่ะมันไม่ยักจะบังเกิด เอาเข้าจริงธนาคารทั้งหลายปล่อยกู้ทุกวันนี้น้อยกว่าที่เคยปล่อยกู้เมื่อปี ค.ศ.2007 เสียอีก เงินจึงไหลออกไปต่างประเทศ และที่มันไหลออกไปต่างประเทศน่ะเอาเข้าจริงก็ไม่ใช่เพื่อไปซื้อบริษัทต่างชาติหรอก แต่เพื่อเก็งกำไรเงินตราสกุลต่างๆ ต่างหาก

คราวนี้เมื่อสองสัปดาห์ก่อน เฟดกับสภาคองเกรสก็บอกว่า "เราต้องการให้จีนขึ้นค่าเงินหยวน 20%" การทำแบบนี้จะสร้างขุมทรัพย์นับหมื่นนับแสนล้านดอลลาร์ให้พวกธนาคารวอลล์สตรีท และจะช่วยให้พวกนั้นสามารถหาเงินมาปลดหนี้ได้ด้วยวิธีการที่โดยเนื้อแท้แล้วก็คือการปล้นธนาคารกลางจีน, ธนาคารกลางบราซิล, ธนาคารกลางตุรกี, และธนาคารกลางประเทศอื่นๆ นั่นเอง เพราะตอนนี้คุณยืมเงินในอเมริกาได้ด้วยอัตราดอกเบี้ยแค่ 1% ดังนั้น คุณก็วางเงินทุนของตัวเองลงมาเอาเป็นว่าสัก 1 ล้านดอลลาร์ แล้วคุณก็ยืมเงินธนาคารอีก 99 ล้านดอลลาร์ รวมเป็น 100 ล้านดอลลาร์ แล้วคุณก็เอาเงิน 100 ล้านดอลลาร์นั้นไปแลกซื้อเงินตราสกุลเหรินหมินปี้ของจีนมาถือไว้ จากนั้นคุณก็บอกว่า "เฮ้ย ขึ้นค่าเงินตราสกุลของลื้อ 20% ซีวะ" ซึ่งก็คือสิ่งที่เฟดขอให้จีนทำ

นั่นหมายความว่าเงิน 1 ล้านดอลลาร์ของคุณกลายเป็นทำกำไรได้ 20 ล้านดอลลาร์ แล้วตอนนี้ เพราะเงิน 100 ล้านดอลลาร์ ที่คุณไปแลกเป็นเหรินหมินปี้ไว้นั้นจะมีค่าสูงขึ้นเป็น 120 ล้านดอลลาร์ เมื่อแลกกลับมา นั่นแปลว่าคุณทำกำไรได้ถึง 200% และสำหรับพวกวอลล์สตรีทนั้น เขาค้าขายกันทีละเป็นพันๆ ล้านนะครับ ไม่ใช่แค่ไม่กี่ล้าน ดังนั้น นี่ก็จะช่วยให้ธนาคารเหล่านั้นหาเงินมาโปะคืนได้โดยเนื้อแท้แล้วก็ด้วยการกว้านซื้อเงินตราต่างประเทศนั่นแหละ พวกเขากำลังทำอย่างเดียวกันในออสเตรเลีย มันเป็นการพนันเงินตราธรรมดาๆ นี่เอง.....

ผู้สัมภาษณ์ 2 : แต่ความจริงก็มีอยู่ว่าเดี๋ยวนี้โลกได้เปลี่ยนอย่างหน้ามือเป็นหลังมือไปแล้วในรอบ 30 หรือ 40 ปีหลัง และตอนนี้คุณก็มีพลังอิสระใหม่ๆ ในเวทีโลกกระทั่งในวงการการเงิน ซึ่งก็ได้แก่ประเทศอย่างจีน, บราซิลและประเทศโลกที่สามอื่นๆ ซึ่งยืนกรานไม่อ่อนข้อให้ในประเด็นเหล่านี้บางประการ พวกเขามีปฏิกิริยาต่อสงครามเงินตรา-การเงินของอเมริกาอย่างไรบ้างครับ?

ฮัดสัน : โลกกำลังแบ่งออกเป็นกลุ่มเงินตราสกุลใหญ่ๆ 2 กลุ่มครับ และในช่วงไม่กี่เดือนหลังนี้ จีนก็ตระเวนเยือนตุรกี, มาเลเซีย, ประเทศไทย แล้วบอกว่า "เราต้องการหลีกเลี่ยงไม่ไปใช้จ่ายข้องแวะกับเงินดอลลาร์เลย" พวกเขากำลังปฏิบัติต่อดอลลาร์เหมือนเงินตราหัวเน่า

พวกเขาบอกว่า "เอางี้ดีกว่า เรามาแลกเงินตรากันเอง เราจะให้เงินสกุลเหรินหมินปี้ของเราแก่คุณ คุณก็เอาเงินสกุลบาทของคุณมาให้เรา แล้วเรามาค้าขายกันด้วยเงินตราสกุลของเราเอง เรากำลังโดดเดี่ยวเงินดอลลาร์ เพื่อที่ชาวบ้านเขาจะไม่ใช้เงินดอลลาร์อีกต่อไป"

นั่นคือสาเหตุที่ทำไมค่าเงินดอลลาร์ถึงได้ตกดิ่งในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราของโลก โลกตลาดเปิดทั้งใบที่อเมริกาได้สร้างขึ้นหลังสงครามโลกครั้งที่สองกำลังหุบปิดลง และความจริงแล้วมันหุบปิดลงก็เพราะสหรัฐกำลังพยายามกอบกู้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ให้ฟื้นคืนจากบรรดาหนี้จำนองบ้านเน่าๆ, สินเชื่อขี้โกง, และเล่ห์กลฉ้อฉลทางการเงินทั้งปวง แทนที่จะปล่อยเล่ห์กลฉ้อฉลเหล่านั้นไปตามเรื่องของมันและจับไอ้พวกขี้โกงขังคุกเสียอย่างที่นักเศรษฐศาสตร์คนอื่นเขาเสนอแนะ

.....วันเสาร์ที่แล้ว ผมประชุมเรื่องเศรษฐกิจอยู่ที่เยอรมนี...และสิ่งที่พวกเขาชี้ให้เห็นก็คือในยุโรป ในเยอรมนีและทั่วทั้งยุโรปนั้น มันผิดกฎหมายที่ธนาคารกลางจะจัดหาเงินมาใช้หนี้ให้รัฐบาล ทั่วทั้งยุโรปกำลังถูกกะเกณฑ์ให้ต้องรัดเข็มขัดอยู่ตอนนี้ก็เพราะรัฐธรรมนูญของพวกเขาตราไว้แบบนั้น ฉะนั้น พวกเขาก็เลยบอกว่า "ช้าก่อน เวลาเราขาดดุลงบประมาณ เราต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยและบังคับให้รัดเข็มขัด แต่ในสหรัฐ พวกเขากลับทำตรงกันข้ามเป๊ะ พวกเขากำลังลดอัตราดอกเบี้ยลงเพื่อกว้านซื้อพวกเรา"

.....ดังนั้น ในยุโรปพวกเขาก็เลยพูดกันว่า "อเมริกาจะมีปัญญาจ่ายหนี้ดอลลาร์ที่กำลังเที่ยวกู้พอกพูนสูงขึ้นเรื่อยๆ เหล่านี้ได้อย่างไร?" อเมริกาย่อมไม่มีปัญญาจ่าย และนั่นคือเหตุผลที่ทำไมเงินสกุลยูโรจึงแข็งค่าขึ้นกว่าเงินอเมริกา นั่นคือเหตุผลที่ทำไมพวกเขาจึงพูดว่า "ตอนนี้เราอยากคุยกับกลุ่มประเทศบริค (BRIC countries มาจากพยัญชนะตัวแรกของชื่อประเทศตลาดเกิดใหม่ที่กำลังรุ่งเรือง 4 ประเทศได้แก่ Brazil, Russia, India, China - ผู้แปล) อยากคุยกับจีน กับโลกที่สาม แล้วเคลื่อนเข้าสู่เขตเงินตราเดียวกันกับพวกเขาและโดดเดี่ยวเงินดอลลาร์มันซะเลย อเมริกาจะได้ไม่มีปัญญาดำเนินสงครามการเงินแบบที่เคยทำเรื่อยมา

ผู้สัมภาษณ์ 2 : ในแง่ที่ว่าประเทศต่างๆ จะตอบโต้รับมือได้อย่างไรบ้างนั้น อย่างหนึ่งที่เห็นชัดว่าหลายประเทศเอเชียทำกันระหว่างเกิดวิกฤตการเงินปลายคริสต์ทศวรรษที่ 1990 ก็คือ ออกมาตรการควบคุมเงินตรา - ซึ่งโดยแก่นแท้ก็คือพยายามป้องกันไม่ให้ทุนต่างชาติเข้าหรือออกจากประเทศนั่นเอง นั่นใช่สิ่งที่คุณเล็งเห็นว่าประเทศเหล่านี้จะทำหรือเปล่าครับ?

ฮัดสัน : ใช่ครับ ตอนนั้นมีประเทศเดียวที่ทำ นั่นคือมาเลเซียภายใต้นายกรัฐมนตรีตุน โมฮาหมัด มหาธีร์ เขาไม่ยอมขายเงินตราสกุลในประเทศให้พวกนักเก็งกำไรต่างชาติ ดังนั้น จอร์จ โซรอส กับคนอื่นๆ ที่ขายเงินตราสกุลริงกิตมาเลเซียล่วงหน้าโดยเก็งว่าค่ามันจะตก ด้วยความหวังว่าธนาคารกลางมาเลเซียจะทุ่มสุดตัวเพื่อปกป้องค่าเงินริงกิตจนเงินหมดคลัง ปรากฏว่าพวกเขาไม่มีปัญญาหาเงินริงกิตมาขายตามสัญญา ก็เลยถูกบีบจนหน้าเขียว

แต่ประเทศอื่นๆ อย่างเกาหลีใต้-ซึ่งได้เป็นเจ้าภาพการประชุม G20 สัปดาห์นี้นั้น- สมัยที่เกิดวิกฤตการเงิน ไอเอ็มเอฟก็เข้าไปหาและบอกว่า "คุณติดเงินแล้วไม่มีปัญญาจ่าย จอร์จ โซรอส เขาโจมตีคุณ คุณต้องขายพวกบริษัทไฟฟ้าให้อเมริกัน คุณต้องขายบริษัทรถยนต์ของคุณให้อเมริกัน"

และนี่เป็นการเข้ารวบยึดที่สมัยก่อน ในศตวรรษก่อนๆ ต้องยกกำลังทหารเข้ารุกรานถึงจะยึดได้ และตอนนี้พวกเขากำลังทำมันด้วยวิธีการทางการเงิน ชาวบ้านที่นั่นเขาจึงโกรธแค้น.....


Friday at 8:43pm ·  ·  · Share
Kanj Love ジャスミン
ชมรูปปั้นเดวิด ของศิลปินระดับโลก "ไมเคิล แองเจโล"


รูปปั้นเดวิดงามสง่า ในมือซ้ายถือหนังสติ๊ก มือขวากำก...
See More


Friday at 8:42pm ·  ·  · Share
Kanj Love ジャスミン

Kanj Love ジャスミン ‎@MJ_Boyz
หิมะตก, ไทยไปบอลโลก, ปราศจากคอรัปชั่น คุณว่า 3 อย่างนี้อะไรเกิดง่ายกว่ากันในบ้านเรา?หิมะตก, ไทยไปบอลโลก, ปราศจากคอรัปชั่น คุณว่า 3 อย่างนี้อะไรเกิดง่ายกว่ากันในบ้านเรา?

Friday at 8:30pm ·  · 
Kanj Love ジャスミン

Kanj Love ジャスミン ราคาประมูลยางแผ่นดิบตลาดกลางประมูลยางหาดใหญ่ (สงขลา) 119.26 บาท/กก.
ราคาเพิ่มขึ้น 1.41 บาท/กก.

Friday at 8:26pm ·  · 

    • Kanj Love ジャスミン 
      ‎1,690 หาดใหญ่ ตรัง เชียงใหม่ นครศรีฯ ภูเก็ต จองวันนี้–15 ม.ค54/เดินทางวันนี้–31 ม.ค54 ลูกค้าทรูเท่านั้นhttp://scr.bi/protrue
      1,450 อุดรฯ อุบลฯ พิษณุโลก บุรีรัมย์ ลูกค้าทรูเท่านั้น จองวันนี้–15 ม.ค54/เดินทางวันนี้– 31 ม.ค54 http://scr.bi/protrue

      Friday at 8:27pm · 

    • Kanj Love ジャスミン SET closed at 991.71 (-4.71,-0.47%%) Val 27,766.73MB
      Institutions +424.21
      Prop -501.03
      Foreign -1,137.29
      Retail +1,214.11

      Friday at 8:28pm ·  ·  1 person



Kanj Love ジャスミン

Kanj Love ジャスミン จีนหยุดฝนได้ เป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์จริงๆ

en.beijing2008.cn
The official website of the Beijing 2008 Olympic Games


Friday at 7:58pm ·  ·  · Share
Kanj Love ジャスミン

Kanj Love ジャスミン เหมือนกัีนหรือต่างกันอย่างไร ผู้รู้ตอบด้วย

th.wikipedia.org
การทำฝนเทียมเป็นกรรมวิธีดัดแปรสภาพอากาศเพื่อให้เกิดฝน การทำฝนเทียมเป็นกรรมวิธีเลียนแบบธรรมชาติ โดยทำจากเมฆซึ่งมีลักษณะพอเหมาะที่จะเกิดฝนได้ จากนั้นจึงเร่งให้เกิดการควบแน่นของเมฆ ด้วย 3 ขั้นตอน คือ ก่อกวน, เลี้ยงให้อ้วน, และโจมตี มักทำใน 2 สภาวะ คือ การทำฝนเมฆเย็น เมื่อเมฆมีอุณหภูมิต่ำกว่า 0 องศาเซลเ


Friday at 7:54pm ·  ·  · Share
Kanj Love ジャスミン
th.wikipedia.org
บทความนี้หมายถึงโครงการพระราชดำริ สำหรับการทำฝนเทียมทั่วไป ดูที่ การทำฝนเทียม


Friday at 7:54pm ·  ·  · Share
Kanj Love ジャスミン

Kanj Love ジャスミン ฝนเทียมแม่เอ๊ย เร่มาขายจ้ะ จากการค้นพบของ Vincent Schaefer ในปี July 1946 โดยใช้คำว่า "rain making" โดยไม่ได้กล่าวถึงไทยเลยแม้แต่น้อย
.... อ้าว ไหงเป็นงั้นไปได้ล่ะ .... ไหงว่าเป็น ..... ไง .... ไหงว่า ..... ฮ่วย .....

en.wikipedia.org
Cloud seeding, a form of weather modification, is the attempt to change the amount or type of precipitation that falls from clouds, by dispersing substances into the air that serve as cloud condensation or ice nuclei, which alter the microphysical processes within the cloud. The usual intent is to i


Friday at 7:48pm ·  ·  · Share

No comments:

Post a Comment