2010-11-26

Fx.2010.11.26

Kanj Love ジャスミン

Kanj Love ジャスミン web นี้ไม่ได้แวะมานานมากๆแล้ว อดีตกำลังหวนคืน แต่ว่า ตอนนี้อย่าเพิ่งเข้่านะ เดี๋ยวติด รอปฏิวัติก่อน ค่อยเข้า .... จริงมั้ยจ๊ัะ ...

The web's most comprehensive investment information in Thailand, including Internet Trading, Stocks, IPO, Bonds and Mutual Funds.


Yesterday at 1:38am ·  ·  · Share


    • Kanj Love ジャスミン พอร์ตลงทุนหุ้นวันนี้ ต่างชาติขาย 1.1 พันล้าน
      รายย่อยซื้อ 1.2 พันล้าน
      สถาบันซื้อ 424 ล้าน
      บัญชีบล.ขาย 501 ล้าน
      มูลค่าการซื้อขายรวม 27,766.73 ล้านบาท

      Yesterday at 1:56am · 
RECENT ACTIVITY

Kanj likes settrade and 3 other pages.

Kanj posted a link to Nufayla Love Akon's Wall.

Kanj commented on Nok Bmx's photo.
Kanj Love ジャスミン

Kanj Love ジャスミン TMBคาดมองเงินบาทปี'54แข็งแตะ28.5บาท/ดอลลาร์
คาดว่า การอ่อนค่าของเงินบาทในช่วงนี้เป็นเพียงทิศทางระยะสั้น และเงินบาทจะมีแนวโน้มกลับมาแข็งค่าอีกครั้งในช่วงต้นปีหน้าจากการไหลกลับของเงินทุน

The web's most comprehensive investment information in Thailand, including Internet Trading, Stocks, IPO, Bonds and Mutual Funds.


Yesterday at 1:24am ·  ·  · Share


    • Kanj Love ジャスミン 
      ‎1.กรณีฐาน มีความเป็นไปได้มากที่สุดด้วยโอกาสร้อยละ 70 ที่เงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นไปสู่ระดับ 28.5 บาทในช่วงครึ่งหลังของปีหน้า โดยมีสมมุติฐานว่า เงินทุนต่างประเทศยังคงไหลเข้าอย่างต่อเนื่อง และ ธปท.มีการออกมาตรการควบคุมการไหลของเงินทุนเพิ่มเติมจากที่มีอยู่เดิม

      2.กรณีแข็งค่ามาก มีความเป็นไปได้ร้อยละ 20 ที่เงินบาทจะแข็งค่าขึ้นเรื่อยๆ ไปที่ 26.6 บาท ณ สิ้นปี ภายใต้สมมุติฐานคือ เงินทุนต่างประเทศไหลบ่าเข้ามา โดยไม่มีมาตรการควบคุมใดๆ จากธปท. เพิ่มเติม

      3.กรณีอ่อนค่าลง มีความเป็นไปได้ร้อยละ 10 ที่เงินบาทจะอ่อนค่าลงเล็กน้อยไปที่ระดับ 30.2 ณ สิ้นปี สมมุติฐานคือ เงินทุนต่างประเทศไหลเข้าในระดับปานกลาง และ ธปท. ออกมาตรการควบคุมการไหลของเงินทุนต่างประเทศเพิ่มเติม

      Yesterday at 1:25am · 

    • Kanj Love ジャスミン 
      USD 29.8711 30.2437
      EU 39.7048 40.4294
      JPY(100) 35.4777 36.3020
      HKD 3.8352 3.9071
      SGD 22.6565 23.1775
      MALAYSIAN RINGGIT MYR - 10.23
      ราคาต่อน้ำหนักทองคำ 1 บาท 19,559.17 บาท

      Yesterday at 1:53am · 


kanj 2010 - Buzz - Public
ปิดดีลคาร์ฟูร์ บิ๊กซี ฮุบทางยุทธศาสตร์

http://www.thannews.th.com/index.php?option=com_content&view=article&id=48140:2010-11-22-11-41-26&catid=203:2010-09-22-07-14-54&Itemid=535&sms_ss=twitter&at_xt=4cec833c8c013756,0

ปิดดีลคาร์ฟูร์
บิ๊กซี ฮุบทางยุทธศาสตร์

เรียบร้อยห้าง บิ๊กซี ไปแล้วสำหรับ คาร์ฟูร์ ในไทย หลังเปิดโต๊ะเจรจาไม่ทัน 3 เดือน โดยบริษัทแม่ ของฝ่ายหลัง- คาร์ฟูร์ เอสเอ carefour SA ประกาศอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายนที่ผ่านมาว่า ตกลงขาย กิจการในไทยซึ่งมีสาขาทั้งสิ้น 42 แห่งให้กับ บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ แล้วในราคา 868 ล้านยูโร เคาะเป็นเงินไทยก็ราวๆ 3.5 หมื่นล้านบาท โดยทั้ง 2 ฝ่าย จะสรุปรายละเอียดทั้งหมดภายในไตรมาแรกปีหน้า 2554

ในแถลงการณ์ยังระบุด้วยว่า เงินที่บิ๊กซีต้องจ่ายให้คาร์ฟูร์ เทียบเท่ากับ 120 % ของยอดขายสุทธิของคาร์ฟูร์ในไทยที่มีสาขา 42 แห่ง ซึ่งครองส่วนแบ่งการตลาด 6 % และมียอดขายสุทธิ 723 ล้านยูโร ในช่วง 12 เดือน นับถึงเดือน มิถุนายน 2553 โดยการซื้อ-ขายระดับบิ๊กดีลครั้งนี้มี ดอยทช์แบงก์ สาขาประเทศไทย เป็นที่ปรึกษา

แม้มีเสียงกระแอมจากคนในวงการธุรกิจทำนองว่า บิ๊กซีจ่ายแพงไปหน่อย เพราะเดิมคาดว่าราคา คาร์ฟูร์ในไทย อยู่ระหว่าง 500-600 ล้านยูโรเท่านั้น แต่ กัปตัน-เจ มองต่างคิดว่า การตัดสินใจฮุบคาร์ฟูร์ของบิ๊กซีครั้งนี้ เป็นการรุกทางยุทธศาสตร์ที่เยี่ยมยอด เพราะทันทีที่ผนวกเอาคาร์ฟูร์มาอยู่ในอาณัติ อาณาจักรบิ๊กซึก็เพิ่มจาก 69 สาขาเป็น 111 สาขา จากหัวเมืองกลายเมืองหลวงขึ้นมาทันที และขนาดที่ใหญ่ขึ้นทำให้มีน้ำหนักมากพอที่จะซัดกับ เทสโก โลตัส ที่มีสาขารวมทุกประเภท 704 สาขาได้สบายขึ้นจากเดิมที่เจอเป็นหลบกล้าปะทำแค่บางทำเลเท่านั้น

ที่สำคัญหาก บิ๊กซีไม่ผนวกเอาคาร์ฟูร์มาอยู่ในอาณัติ อนาคต ไม่ตายก็แกรนเท่านั้น แม้ที่ผ่านมา บิ๊กซีถือว่าเป็นเบอร์สองในตลาด ดิสเคาท์สโตร์ของไทย แต่ก็เป็นเบอร์สองที่ห่างจากเบอร์หนึ่ง-เทสโกโลตัสแบบไม่เห็นหลัง หนำซ้ำก็ไม่ทิ้งเบอร์สาม-คาร์ฟูร์ แบบขาดลอย จำนวนสาขาที่มีอยู่ คุมพื้นที่ได้ไม่ครบ โวลุ่มในการจัดซื้อก็ไม่มาก พอจะบีบให้ซัพพลายเออร์ให้หน้าเขียว หน้าเหลือง จนยอมจัดส่งสินค้า ให้แบบ คิดส่วนต่างบางๆ เพื่อนำ-สินค้ามาจัดรายการ ถูกทุกวัน - ถูกสุดๆ เพื่อแข่งกับเทสโก โลตัสได้

การฮุบกิจการครั้งนี้จึงเป็นการฮุบทางยุทธศาสตร์เพื่อเพิ่มขนาดให้ไล่เลี่ยกับเบอร์หนึ่ง หรือโตทางลัดเพื่อซัดกับเทสโก โลตัสได้ง่ายขึ้น

นอกจากนี้ ในมุมของผู้ถือหุ้น (บิ๊กซี) คาสิโนจากฝรั่งเศส -Casino Guichard Perrachon ก็อุ่นใจว่า เครือข่ายในไทยแกร่งพอรับมือ เทสโก โลตัส (สัญชาติอังกฤษ) ส่วน จิราธิวัฒน์ ผู้ถือหุ้นฝ่ายไทย ก็อุ่นใจว่าสามารถตรึงพื้น ค้าปลีกโซนนี้-ดิสเคาท์สโตร์ ได้แน่นอน ฉะนั้นการควักเงิน 3.5 หมื่นล้านบาท แม้จะแพงกว่าที่คิด แต่ในระยะยาว ต้องบอกว่าคุ้มค่ามากๆ

สำหรับอนาคต ตลาดดิสเคาท์สโตร์ แม้มีปัจจัยที่ชี้ว่า เมื่อบิ๊กซีต่อตัวจนใหญ่ขึ้น การแข่งขันจะรุนแรงขึ้น แต่ กัปตัน-เจ มองใหม่แล้วคิดว่า ต่อไป เมื่อค้าปลีกในโซนนี้เหลือผู้เล่นแค่ 2 ราย คือ เทสโก้ โลตัส กับ บิ๊กซี ส่วน แม็คโคร เจ้าตำรับ cash and carry นั้นยังไม่ใช่ตลาดเดียวกันนัก เมื่อเหลือผู้เล่นในตลาดแค่สอง ก็เข้าตำรา มีผู้แข่งขันน้อยราย ไม่ผูกขาดก็เหมือนกับผูกขาด นักเศรษฐศาสตร์ท่านว่าที่ใดมีการผูกขาดผู้บริโภคจะได้ประโยชน์ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย

ซึ่ง เป็นไปได้ว่าในอนาคตอันใกล้นี้ ผู้เล่นทั้งสองราย จะแบ่งตลาดกันกิน แบบโซนนั้นของคุณโซนนี้ของผม เหมือน พรรคประชาธิปัตย์ ไม่ส่งคนลงสมัครเลือกตั้งซ่อมเขตอีสานปล่อยให้พันธมิตร - พรรคภูมิใจไทยว่าไป ถ้ามาแนวนี้ การแข่งขันคงไม่เลือดพล่าน จนผู้บริโภคได้ซื้อของถูกยิ่งกว่าถูก อย่างที่หลายฝ่ายคาดคิดกัน


kanj 2010 - Buzz - Public
ปัญหาหนี้สินของประเทศไอร์แลนด์ : ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ

http://forum.sarut-homesite.net/index.php?topic=3854.msg9177#msg9177&utm_source=twitterfeed&utm_medium=twitter

ไอร์แลนด์นั้นเป็นประเทศเล็กที่เคยถูกยึดครองโดยอังกฤษ และมีปัญหาความรุนแรงจากความแตกแยกทางศาสนามาโดยตลอด แต่ต่อมาก็ประสบความสำเร็จอย่างสูงในการพัฒนาความเจริญทางเศรษฐกิจจนได้รับสมญานามว่าเป็น Celtic Tiger หรือเป็นเสือทางเศรษฐกิจคล้ายคลึงกับที่ไทยเราเองก็เคยมองตัวเองว่าจะเป็นเสือตัวใหม่ของเอเชียเมื่อ 15 ปีก่อน ไอร์แลนด์จึงกลายเป็นฐานการผลิตที่สำคัญโดยเฉพาะอุตสาหกรรมเฉพาะทางที่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญพิเศษ กล่าวคือ ไอร์แลนด์พยายามส่งเสริมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง

ความทะเยอทะยานและความเชื่อมต่อโลกาภิวัตน์ที่สมบูรณ์ของไอร์แลนด์ ทำให้นายธนาคารของไอร์แลนด์ฉกฉวยโอกาสในการขยายธุรกิจทางการเงินในช่วงที่ผ่านมาอย่างเต็มที่ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ระบบธนาคารของไอร์แลนด์ล้มละลายลงอย่างไม่เป็นท่าในปี 2008 ซึ่งรัฐบาลไอร์แลนด์ก็ได้พยายามเผชิญปัญหาแบบตรงไปตรงมา โปร่งใสและเป็นมืออาชีพมากที่สุด กล่าวคือ สอบถามและสั่งการให้ธนาคารเปิดเผยความจริงเกี่ยวกับความเสียหายทั้งหมดไม่ต้องให้ปกปิด พร้อมกันนั้นก็ยังจ้างผู้เชี่ยวชาญต่างๆ มาให้คำปรึกษาเพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาแบบเปิดเผยและตรงไปตรงมา กล่าวคือ เมื่อทราบจากนายธนาคารว่ามีหนี้เสีย ซึ่งน่าจะทำให้เกิดความเสียหายประมาณ 5,000 ล้านยูโร ก็รีบประกาศให้ทราบโดยทั่วกันในทันทีและรัฐบาลรีบจัดการกับความเสียหายดังกล่าวและให้นำความเสียหายดังกล่าวมาคำนวณเป็นการขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลในทันที เพื่อรัฐบาลจะได้ออกพันธบัตรกู้เงินเพื่อรับผิดชอบความเสียหายอย่างครบถ้วน ในขณะเดียวกัน ก็ดำเนินการลดรายจ่ายด้านอื่นๆของรัฐบาล เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่ารัฐบาลจะยังรักษาวินัยทางการคลังได้อย่างสมบูรณ์เช่นแต่ก่อน

ในช่วงแรก ไอร์แลนด์จึงได้รับการตอบสนองที่ดีจากนักลงทุน เพราะรัฐบาลไอร์แลนด์สร้างความน่าเชื่อถือ โดยเผชิญปัญหาอย่างตรงไปตรงมา เปิดเผยว่า แก้ปัญหาอย่างเด็ดขาดและครบถ้วนที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่สิ่งที่ทำให้ไอร์แลนด์ตกอยู่ในภาวะลำบากในขณะนี้คือ เมื่อเวลาผ่านไป ปรากฏว่าความเสียหายจากหนี้เสียของภาคธนาคารนั้นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆอย่างไม่น่าเชื่อ กล่าวคือ เมื่อปี 2008 รัฐบาลประกาศว่าความเสียหายทั้งหมดเท่ากับ 5,000 ล้านยูโร แต่ต่อมาต้องประกาศความเสียหายเพิ่มเติมทุกปีจนกระทั่งล่าสุดในปีนี้ ต้องยอมรับว่าอาจมีความเสียหายเพิ่มเติมที่ค้นพบในปี 2010 นี้อีก 30,000 ล้านยูโร และเมื่อรวมความเสียหายทั้งหมดที่ประกาศออกมาในช่วง 2008-2010 นั้นรวมทั้งสิ้นกว่า 50,000 ล้านยูโร กล่าวคือ ความเสียหายทั้งหมดที่คาดการณ์ใหม่นั้นมากกว่าความเสียหายที่ประกาศในครั้งแรกประมาณ 10 เท่าตัว หากคิดเป็นภาระที่ชาวไอร์แลนด์ต้องแบกรับก็เท่ากับ 50,000 ยูโรต่อ 1 ครอบครัว (กว่า 2 ล้านบาท) ดังนั้น ไอร์แลนด์จึงต้องรับภาระที่หนักหน่วงอย่างยิ่งจากวิกฤติเศรษฐกิจรอบนี้ นอกเหนือจากการที่เศรษฐกิจไอร์แลนด์นั้นได้หดตัวลงอย่างต่อเนื่องนับจากปี 2008 คือ หดตัวลง 3.5% ในปี 2008 7.6% ในปี 2009 และน่าจะหดตัวอีก 0.3% ในปี 2010 นี้

แต่สิ่งที่ทำให้เกิดความปั่นป่วนในไอร์แลนด์อย่างมากในขณะนี้นั้น สืบเนื่องมาจากการที่นายกรัฐมนตรีเยอรมัน (นาง Angela Merkel) ผลักดันข้อเสนอในการสร้างกลไกแก้ปัญหาการขาดวินัยทางการคลังในกลุ่มประเทศอียู โดยให้ยอมรับหลักการว่า นักลงทุนเอกชนที่เข้ามาซื้อพันธบัตรรัฐบาลของประเทศที่มีปัญหาต้องมีส่วนรับความเสียหายจากการปรับโครงสร้างหนี้ของประเทศดังกล่าวด้วย เพื่อไม่ให้เป็นภาระรับผิดชอบของกองทุน 750,000 ล้านยูโร ที่จัดตั้งรวมกันระหว่างอียูกับไอเอ็มเอฟเพียงอย่างเดียว กล่าวคือ นายกรัฐมนตรีเยอรมันถูกกดดันทางการเมืองให้กระจายภาระรับผิดชอบให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคน ไม่ใช่ต้องเป็นความรับผิดชอบของประเทศที่มีสถานะทางการเงินที่แข็งแรง(เช่นเยอรมัน) เพียงฝ่ายเดียว

Angela Merkel ผลักดันข้อเสนอดังกล่าวข้างต้นและได้รับการยอมรับจากอียูในวันที่ 29 ตุลาคมและต่อมา รัฐมนตรีคลังของฝรั่งเศสกล่าวสนับสนุนข้อเสนอของเยอรมัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนที่เกี่ยวกับการร่วมรับผิดชอบความเสียหายของผู้ถือพันธบัตรรัฐบาลที่มีปัญหา สิ่งที่ตามมาคือดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลไอร์แลนด์ (อายุ 3 ปี) เพิ่มขึ้นต่อเนื่องกัน 13 วันจาก 4.7% ในวันที่ 30 ต.ค.มาเป็น 7.7% ในวันที่ 12 พ.ย.หรือดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 3.09% ในระยะเวลาเพียง 13 วัน ทำให้ในที่สุดอียูต้องร่วมกันออกแถลงการณ์ให้เกิดความชัดเจนว่า ข้อเสนอที่กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณานั้นจะนำมาใช้ในอนาคตในอีก 2 ปีข้างหน้า มิได้ใช้กับนักลงทุนที่ถือพันธบัตรรัฐบาลอยู่ในขณะนี้

ทั้งนี้ จากแบบสอบถามของ Bloomberg ที่ถามนักลงทุน 1,030 คนเมื่อวันที่ 8 พ.ย. พบว่า นักลงทุน 71% เชื่อว่ารัฐบาลกรีกจะพักชำระหนี้ ตามด้วยรัฐบาลไอร์แลนด์ ที่นักลงทุน 51% เชื่อว่าไอร์แลนด์จะพักชำระหนี้ โดยในกรณีของไอร์แลนด์นั้น ปัจจุบันออกพันธบัตรไปแล้วประมาณ 75,000-80,000 ล้านยูโร โดยผู้ซื้อพันธบัตรรายใหญ่ที่สุดคือธนาคารกลางของยุโรป (ประมาณ 15,000-18,000 ล้านยูโร) ในขณะที่ธนาคารในประเทศยุโรปถือประมาณ 10,000 ล้านยูโร นักลงทุนต่างชาติถือประมาณ 40,000 ยูโรและธนาคารไอร์แลนด์เองถือพันธบัตรไอร์แลนด์อีก 10,000 ล้านยูโร

ความไม่เชื่อมั่นของนักลงทุนที่เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะในกรณีของไอร์แลนด์ ทำให้กลุ่มประเทศอียูพยายามให้ไอร์แลนด์เข้ารับความช่วยเหลือทางการเงินจากอียู เพื่อที่จะทำให้นักลงทุนเชื่อมั่นว่า ไอร์แลนด์จะไม่ต้องพักชำระหนี้ อย่างไรก็ตามรัฐบาลไอร์แลนด์ยืนยันว่า ยังไม่มีความจำเป็นที่รัฐบาลจะต้องขอความช่วยเหลือดังกล่าว จนในที่สุดในการประชุมรัฐมนตรีคลังของอียูเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ก็มีการเจรจากันอีกรอบและมีแนวโน้มว่า ไอร์แลนด์จะยอมให้อียูและไอเอ็มเอฟเข้ามาช่วยเหลือทางการเงินแก่ธนาคารที่มีปัญหาของไอร์แลนด์ โดยทั้งสององค์กรเริ่มเข้ามาตรวจสอบบัญชีและคุณภาพสินทรัพย์ของธนาคารพาณิชย์ของไอร์แลนด์แล้ว

ในช่วงเดียวกันนั้น ตลาดก็เริ่มหวั่นไหวกับหนี้สาธารณะของประเทศอื่นๆ ที่มีปัญหาอยู่แล้วคือ กรีก โปรตุเกสและสเปน





kanj 2010 - Buzz - Public
ช.การช่างควัก 130ล.ร่วมลงทุนในธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์

http://www.thannews.th.com/index.php?option=com_content&view=article&id=48188:-130&catid=176:2009-06-25-09-26-02&Itemid=524&sms_ss=twitter&at_xt=4ceb329973795ab2,0

บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) (บริษัทฯ) หรือ CK แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯถึง มติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 6/2553 ซึ่งประชุมเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2553 ดังนี้ อนุมัติให้บริษัทฯ เข้าร่วมลงทุนในบริษัท นครราชสีมา โซล่าร์ จำกัด โดยซื้อหุ้นจากบริษัท แปซิฟิก โซล่าร์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ถือหุ้นเดิมซึ่งเป็นบุคคลที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับบริษัทฯ แต่อย่างใด ในสัดส่วนร้อยละ 30 ของทุนจดทะเบียน คิดเป็นเงินลงทุนจำนวนไม่เกิน 55,000,000 บาท โดยบริษัทดังกล่าวมีวัตถุประสงค์ในการประกอบธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งโครงการตั้งอยู่ที่ตำบลวังโรงใหญ่ อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา ปริมาณพลังงานไฟฟ้าสูงสุด 6 เมกะวัตต์ มูลค่าโครงการประมาณ 708,000,000 บาท

นอกจากนี้ อนุมัติให้บริษัทฯ เข้าร่วมลงทุนในบริษัท เชียงราย โซล่าร์ จำกัด โดยซื้อหุ้นจากบริษัท แปซิฟิก โซล่าร์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ถือหุ้นเดิมซึ่งเป็นบุคคลที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับบริษัทฯ แต่อย่างใด ในสัดส่วนร้อยละ 30 ของทุนจดทะเบียน คิดเป็นเงินลงทุนจำนวนไม่เกิน 75,000,000 บาท โดยบริษัทดังกล่าวมีวัตถุประสงค์ในการประกอบธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งโครงการตั้งอยู่ที่ตำบลท่าข้าวเปลือก อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย ปริมาณพลังงานไฟฟ้าสูงสุด 8 เมกะวัตต์ มูลค่าโครงการประมาณ 944,000,000 บาท

ที่ประชุมฯยังได้ อนุมัติให้บริษัทฯ ลงนามในบันทึกความเข้าใจความตกลงร่วมมือในการพัฒนาโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ที่อาจจะมีขึ้นในประเทศไทยในอนาคต จำนวน 100 เมกะวัตต์ กับ บริษัท แปซิฟิก โซล่าร์ (ประเทศไทย) จำกัด โดยมอบหมายให้คณะกรรมการบริหาร มีอำนาจในการเจรจาตกลงเงื่อนไขเกี่ยวกับสัดส่วนการถือหุ้น/เงินลงทุน รวมถึงรายละเอียดต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเข้าร่วมลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าอื่นๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต

ขณะเดียวกัน ที่ประชุมฯ อนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยมีวาระการดำรงตำแหน่ง 3 ปี ดังนี้
1) นายดอน ปรมัตถ์วินัย ประธานกรรมการความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
2) ดร. ภาวิช ทองโรจน์ กรรมการความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
3) นายประเสริฐ มริตตนะพร กรรมการความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม

No comments:

Post a Comment