สัมภาษณ์พิเศษ ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ เรื่องหนังสือ "ก้าวข้ามความกลัว" -- น่าดู
http://shows.voicetv.co.th/wakeup-thailand/25697.html
http://shows.voicetv.co.th/wakeup-thailand/25697.html
รายการ Wake up Thailand ประจำวันศุกร์ที่ 16 ธ.ค. 54 นำเสนอในประเด็น - ศาลตัดสินจำคุก 15 ปี ดา ตอร์ปิโด ไม่รอลงอาญา - ไม่อุทธรณ์ - กระทรวงต่างประเทศ ชี้แจงการตัดสินคดี อากง และ โจ กอร...
- Comment - Hangout - Share
ที่ลานปรีดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ มีงานเปิดตัวหนังสือ ก้าวข้ามความกลัว ปลดปล่อยอากง ซึ่งรวบรวมรูปภาพของคนที่ถ่ายภาพฝ่ามือที่เขียนคำว่า อากง เอาไว้ โดยในงานมีการเสวนาจากนักวิชาการและนัก...
- Comment - Hangout - Share
ที่ลานปรีดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ จัดกิจกรรมเปิดตัวหนังสือและนิทรรศการภาพถ่าย ก้าวข้ามความกลัว ที่เกิดขึ้นหลังศาลมีคำพิพากษาจำคุกนายอำพล หรือ อากง 20 ปี Produced by VoiceTV...
- Comment - Hangout - Share
KP Page
สมุดภาพเล่มนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้หากขาดผู้ริเริ่มเคลื่อนไหวคนแรกคือ "ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์" นักวิจัยจากสถาบันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษาแห่งสิงคโปร์ กระทั่งการรวบรวมภาพนั้น นำมาผนวกเข้ากับบทความและคำนิยมของนักวิชาการคนสำคัญ อย่าง ชาญวิทย์ เกษตรศิริ, ธงชัย วินิจจะกูล และ David Streckfuss กลายเป็นหนังสือ "ก้าวข้ามความกลัว" (Thailand’s Fearlessness: Free Akong)
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1323869789
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1323869789
- Comment - Hangout - Share
KP Page
หลักปรัญชา “เจ้านิยมแบบพอเพียง” (Sufficiency Royalism)
พฤติกรรมของกลุ่มคลั่งเจ้าแบบเกินงาม เกินความพอดี เกิดความพอเพียง อาทิ
1. การใส่ร้ายป้ายสีผู้ต้องการเห็นการปฏิรูปมาตรา 112 ว่าเป็นพวกต้องการล้มเจ้า ไม่คำนึงว่า มาตรา 112 ในตัวเองนั้นมีปัญหาอยู่มากและเป็นเครื่องกีดขวางความก้าวหน้าด้านประชาธิปไตยของไทย
2. การโฆษณาชวนเชื่อเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์แบบเลยเถิด อยู่นอกเหนือจากความเป็นจริง/กฏธรรมชาติ เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการสร้างตำนานหลายอย่างเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ และหากใครปฏิเสธตำนานที่กลุ่มคลั่งเจ้าเหล่านี้ได้สร้างขึ้น ก็มักจะถูกลงโทษตามมาตรา 112 (อย่างรุนแรง-ป่าเถื่อนในระยะหลัง)
3. การปิดช่องว่างของการแสดงออกซึ่งความรู้สึกในสังคม อาทิ การบังคับให้ทุกคนชอบสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เชื่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งเหมือนกัน ผมได้เคยกล่าวไว้ว่า “ใครจะบังคับใจใครให้รักใครได้อย่างไร” ศิษย์อาจจะไม่ได้รักอาจารย์ ลูกบางคนอาจไม่ได้รักพ่อแม่ พนักงานบางคนอาจไม่รักนายจ้าง เราบังคับใจกันได้หรือ? ทำไมไม่เปิดโอกาสให้มีการถกเถียงกันว่า “ความไม่รัก” มันเกิดขึ้นได้อย่างไร และยอมเปิดใจกว้างกับความไม่รักนี้
4. เลิกมองไทยว่าเป็นศูนย์กลางแห่งจักรวาล มีความเป็นเอกลักษณ์/อัตลักษณ์สูง เกินกว่าความเข้าใจของต่างประเทศ ทำให้ต่างประเทศต้องยอมรับในความแปลก ความเป็นเอกลักษณ์/อัตลักษณ์นี้ โดยเฉพาะในประเด็นการวิพากษ์วิจารณ์ของต่างชาติ/องค์กรระหว่างประเทศ เกี่ยวกับสภาพด้านสิทธิมนุษยชนของไทย เลิกพูดเสียทีว่าต่างชาติไม่มีวันเข้าใจไทย/ความเป็นไทย ตราบใดที่กลุ่มคลั่งเจ้ายังมีพฤติกรรมเช่นนี้อยู่ อย่าว่าแต่ต่างชาติเลย คนไทยหลายๆ คนก็ไม่เข้าใจในสิ่งที่พวกคุณกำลังทำอยู่ ถ้าต้องการอยู่อย่างเอกเทศ ไม่ต้องการคำวิจารณ์จากต่างชาติ ขอเสนอะแนะให้ไทยขุดคลอง/สร้างป้อมปราการรอบประเทศ สร้างประเทศให้เป็นเกาะ และยุติการติดต่อกับต่างประเทศ (ก็เอากันให้มันสุดๆ ไปเลย)เลิกเถอะครับ ความคิดคลั่งเจ้าเช่นนี้ หันมายึดหลักรักเจ้าแต่พอเพียง พอเพียงแบบเปิดพื้นที่ให้คนไม่เห็นด้วยได้แสดงความคิด/ใช้ชีวิตอยู่โดยไม่ถูกการลงโทษ และสังคมจะอยู่กันได้ เลิกทำตัวดราม่า
1. การใส่ร้ายป้ายสีผู้ต้องการเห็นการปฏิรูปมาตรา 112 ว่าเป็นพวกต้องการล้มเจ้า ไม่คำนึงว่า มาตรา 112 ในตัวเองนั้นมีปัญหาอยู่มากและเป็นเครื่องกีดขวางความก้าวหน้าด้านประชาธิปไตยของไทย
2. การโฆษณาชวนเชื่อเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์แบบเลยเถิด อยู่นอกเหนือจากความเป็นจริง/กฏธรรมชาติ เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการสร้างตำนานหลายอย่างเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ และหากใครปฏิเสธตำนานที่กลุ่มคลั่งเจ้าเหล่านี้ได้สร้างขึ้น ก็มักจะถูกลงโทษตามมาตรา 112 (อย่างรุนแรง-ป่าเถื่อนในระยะหลัง)
3. การปิดช่องว่างของการแสดงออกซึ่งความรู้สึกในสังคม อาทิ การบังคับให้ทุกคนชอบสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เชื่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งเหมือนกัน ผมได้เคยกล่าวไว้ว่า “ใครจะบังคับใจใครให้รักใครได้อย่างไร” ศิษย์อาจจะไม่ได้รักอาจารย์ ลูกบางคนอาจไม่ได้รักพ่อแม่ พนักงานบางคนอาจไม่รักนายจ้าง เราบังคับใจกันได้หรือ? ทำไมไม่เปิดโอกาสให้มีการถกเถียงกันว่า “ความไม่รัก” มันเกิดขึ้นได้อย่างไร และยอมเปิดใจกว้างกับความไม่รักนี้
4. เลิกมองไทยว่าเป็นศูนย์กลางแห่งจักรวาล มีความเป็นเอกลักษณ์/อัตลักษณ์สูง เกินกว่าความเข้าใจของต่างประเทศ ทำให้ต่างประเทศต้องยอมรับในความแปลก ความเป็นเอกลักษณ์/อัตลักษณ์นี้ โดยเฉพาะในประเด็นการวิพากษ์วิจารณ์ของต่างชาติ/องค์กรระหว่างประเทศ เกี่ยวกับสภาพด้านสิทธิมนุษยชนของไทย เลิกพูดเสียทีว่าต่างชาติไม่มีวันเข้าใจไทย/ความเป็นไทย ตราบใดที่กลุ่มคลั่งเจ้ายังมีพฤติกรรมเช่นนี้อยู่ อย่าว่าแต่ต่างชาติเลย คนไทยหลายๆ คนก็ไม่เข้าใจในสิ่งที่พวกคุณกำลังทำอยู่ ถ้าต้องการอยู่อย่างเอกเทศ ไม่ต้องการคำวิจารณ์จากต่างชาติ ขอเสนอะแนะให้ไทยขุดคลอง/สร้างป้อมปราการรอบประเทศ สร้างประเทศให้เป็นเกาะ และยุติการติดต่อกับต่างประเทศ (ก็เอากันให้มันสุดๆ ไปเลย)เลิกเถอะครับ ความคิดคลั่งเจ้าเช่นนี้ หันมายึดหลักรักเจ้าแต่พอเพียง พอเพียงแบบเปิดพื้นที่ให้คนไม่เห็นด้วยได้แสดงความคิด/ใช้ชีวิตอยู่โดยไม่ถูกการลงโทษ และสังคมจะอยู่กันได้ เลิกทำตัวดราม่า
- Comment - Hangout - Share
No comments:
Post a Comment