2011-02-28

Fx.เงิน ทอง หุ้น

การเงิน - การลงทุน

วันที่ 1 มีนาคม 2554 16:43

หุ้นปิดบวก6จุด แรงซื้อกลุ่มแบงก์หนุน



หุ้นไทยปิดบวก 6.57 จุด ที่ 994.48 จุด ตามตลาดในภูมิภาคเอเซีย แรงซื้อกลุ่มแบงก์หนุน


บรรยากาศการลงทุนตลาดหุ้นไทยวันนี้ (1 มี.ค.) ดัชนีปรับตัวในแดนบวกตามตลาดในภูมิภาคเอเซีย ท่ามกลางแรงเก็งกำไรเข้ามาอย่างหนาแน่นในหุ้นกลุ่มพลังงาน ระหว่างชั่วโมงการซื้อขายดัชนีต่ำสุดที่ 985.98 จุด และปิดตลาดในระดับสูงสุดที่ 994.48 จุด บวก 6.57 จุด หรือ 0.67%
หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรกประกอบด้วย
TMB  ปิดที่ 2.38 บาท  +0.10 (+4.39%)  
 
BANPU ปิดที่  726.00  บาท ไม่เปลี่ยนแปลง
 
KBANK  ปิดที่ 119.50  บาท +2.00 (+1.70%)  
 
SCB ปิดที่ 103.00  บาท +1.00 (+0.98%)  
 
CPF ปิดที่  23.60 บาท  -0.20 (-0.84%)
http://bit.ly/e68XMK






ล่าสุด
เปลี่ยนแปลง
%เปลี่ยนแปลง
สูงสุด
ต่ำสุด
ปริมาณ
('000 หุ้น)
มูลค่า
(ล้านบาท)
SET Index994.48+6.57+0.67%994.48985.983,861,11025,925.61
SET50 Index696.68+5.79+0.84%696.68689.181,360,10619,204.48
SET100 Index1,518.60+11.66+0.77%1,518.601,503.442,630,06721,929.63
mai Index263.31-0.25-0.09%264.91262.91395,733809.08
Last Update 01/03/2011 17:30:28



Big Lot วันนี้ BANPU-F KBANK TOP
หลักทรัพย์จำนวน
รายการ
ปริมาณ
(หุ้น)
มูลค่า
('000 บาท)
ราคาเฉลี่ยราคาพาร์หน่วย
BANPU-F5476,300349,080732.910บาท
KBANK51,336,500158,408118.5210บาท
TOP12,000,000149,56074.7810บาท
SCC-F3200,00066,275331.381บาท
PTT671,50024,221338.7510บาท
TUF1140,0005,70140.721บาท
BBL131,0004,99116110บาท
TOG1800,0003,2484.061บาท
GJS-W213,000,0008400.28             -บาท
TWZ-W111,703,900170.01             -บาท









BLS 21.30
ราคาปิดยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ยทุกเส้นพร้อมวอลุ่มหนุน และ Indicators ทุกตัวให้ค่าสัญญาณบวก เป็นขาขึ้นชัดเจน 
แนะนำ "ซื้อ"  โดยมีแนวรับที่ 21.20-21.00 บาท แนวต้านที่ 22.00-23.00 บาท Cut loss หากราคาต่ำกว่า 20.70 บาท
TMB 2.36
ราคาปิดยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ยได้ทุกเส้น และ MACD ยืนเหนือเส้น Zero Line แนวโน้มแกว่งตัวขึ้นต่อ 
แนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” โดยมีแนวรับที่ 2.32-2.28 บาท แนวต้านที่ 2.48-2.66 บาท Cut loss หากราคาต่ำกว่า 2.22 บาท
TCCC 23.90
ปิดมีแท่งเทียนสีดำพร้อมวอลุ่มหนุน ในขณะที่ Indicators ทุกตัวให้ค่าสัญญาณลบ แนวโน้มเป็นขาลง 
แนะนำ "ขาย" โดยมีแนวรับที่ 23.00-22.30 บาท แนวต้านที่ 24.40-24.80 บาท
RCL 10.20
เส้นค่าเฉลี่ยทุกเส้นเรียงตัวกันแบบ Bearish ชัดเจน ประกอบกับ MACD อยู่ต่ำกว่าเส้น Zero Line แนวโน้มแกว่งตัวลงต่อ 
แนะนำ "ขาย" โดยมีแนวรับที่ 9.50-9.00 บาท แนวต้านที่ 10.60-11.00 บาท


สรุปสภาวะตลาดทองคำแท่ง และโกลด์ฟิวเจอร์ส วันที่ 1 มีนาคม 2554 
1/3/2011 15:39 น.
ราคาปิด
เปลี่ยนแปลง
%เปลี่ยนแปลง
สูงสุด
ต่ำสุด
ราคาเปิด
ราคาก่อนหน้า
GFJ11
20,560
10
0.05
20,570
20,550
20,550
20,550
GFM11
20,650
0
0.00
20,660
20,640
20,660
20,650
GFQ11
20,730
0
0.00
20,740
20,720
20,740
20,730
Spot Gold
1,413.90
3.05
0.22
1,414.80
1,409.19
1,410.85
1,410.85
THB
30.57
0.00
0.00
30.70
30.50
30.59
30.57
US/EU
1.3826
0.0026
0.19
1.3833
1.3787
1.3802
1.38
ที่มา bisnews
สภาวะตลาดวันที่ 1 มีนาคม 2554 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ $1,409.19 – $1,414.80 
ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFJ11 อยู่ที่ 20,560 บาท โดยราคาเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น 10 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 20,550บาทออกมา 
คือ ออกมา คือ
แนวโน้มวันที่ 2 มีนาคม 2554  
ราคาทองคำเคลื่อนไหวไม่มากนักเนื่องจากขาดปัจจัยชี้นำใหม่ๆ โดยปัจจัยหนุนหลักคงยังเป็นประเด็นความรุนแรงในตะวันออกกลาง 
ถึงแม้ว่าจะมีกระแสข่าวถึงความเป็นไปได้ที่ปัญหาในลิเบียอาจจบสิ้นลงแต่ก็ไม่ได้ไม่อาจทำให้แน่ใจได้ว่าลิเบียจะเป็นประเทศสุดท้าย
ที่ก่อจลาจลในเมื่อยังมีอีกหลายประเทศที่กำลังมีปัญหาเช่นกัน ทำให้ทางวายแอลจีเชื่อว่าหากปัญหาลิเบียจบสิ้นลง
ราคาทองคำจะมีการปรับตัวลงได้ แต่การปรับลงจะเป็นไปแค่ในระยะเวลาสั้นๆ แต่ในสถานการณ์ปัจจุบันปัญหาในลิเบียยังคงอยู่
ทำให้ทางวายแอลจีคาดการณ์ว่าราคาน่าจะขยับขึ้นต่อได้ นอกจากนี้ราคาทองคำยังได้รับแรงสนับสนุนจากการคาดการณ์ถึง
ความคิดเห็นของดร.เบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ(FED) ที่มีการคาดการณ์ว่าจะออกมาสนับสนุน
มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ(QE2) โดยน่าจะให้ความเห็นในทำนองว่า การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจยังไม่มากพอที่จะทำ
ห้ตลาดแรงงานปรับตัวดีขึ้น ซึ่งบ่งชี้ว่ายังไม่ถึงเวลาที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 
และหากเป็นจริงตามคาดราคาทองคำจะยิ่งปรับตัวขึ้นได้อีกมาก นักลงทุนจึงจำเป็นต้องติดตามประเด็นนี้อย่างใกล้ชิด 
โดยคำแถลงการณ์อย่างเป็นทางการจะออกมาในวันพุธ

ในด้านปัจจัยทางเทคนิคทางวายแอลจียังมีมุมมองเชิงบวกต่อเนื่อง หลังจากราคาต่ำสุดในรอบวันยังสามารถ
ยืนเหนือระดับราคาที่บริเวณ $1,400 ไว้ได้ สำหรับนักลงทุนที่ซื้อทองคำไว้ตามคำแนะนำของทางวายแอลจีก่อนหน้านี้
แนะนำให้ขายทำกำไรบางส่วนเมื่อราคาทองคำเข้าชนและไม่สามารถผ่านแนวต้านที่บริเวณ$1,418(20,500บาท) -$1,424(20,590บาท)
ไปได้ และที่เหลือยังคงสามารถถือต่อไปได้ ในขณะที่นักลงทุนที่ยังไม่มีทองคำ
แนะนำให้รอการเข้าซื้อเมื่อราคาย่อมาบริเวณแนวรับต่างๆ เบื่องต้นประเมินแนวรับแนวต้านไว้ดังนี้
แนวรับ      1,400 (20,240บาท)    1,392 (20,130บาท)   1,380(19,950บาท)
แนวต้าน    1,424 (20,590บาท)     1,433(20,720บาท)     1,440(20,820บาท)


หุ้นไทยปิดตลาดภาคเช้า บวก 2 จุด ซื้อขาย 1.2หมื่นล้า



ข้อมูลล่าสุด 01 มี.ค. 2554 12:31:48
ข้อมูลการซื้อขายจะถูกปรับปรุงจากข้อมูลสิ้นวันที่เป็นค่าทางการประมาณ 18:30 น.
ดัชนีล่าสุดเปลี่ยนแปลง%เปลี่ยนแปลงสูงสุดต่ำสุดปริมาณ
(′000 หุ้น)
มูลค่า
(ล้านบาท)
SET989.96+2.05+0.21994.30989.122,327,99312,340.89
SET1001,510.50+3.56+0.241,517.671,508.941,628,57410,109.83
SET50692.63+1.74+0.25696.03691.86903,6898,623.25
mai263.45-0.11-0.04264.13262.91185,519467.92




ดัชนีปิดตลาด 987.91 จุด เพิ่มขึ้น 2 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายหนาแน่นปานกลาง 25,621 ล้านบาท 
โดยระหว่างวันดัชนีแกว่งตัวในกรอบ 980-987 จุด จากแรงพยุงในหุ้นกลุ่มแบงก์และขนส่งเป็นหลัก
บรรยากาศซื้อขายหุ้นวันนี้(28 กพ.)ดัชนีแกว่งตัว sideway ในกรอบจำกัด อิงภูมิภาคโดยรวมที่ sideway ก่อนจะปิดตลาดส่วนใหญ่
ในกรอบบวก 0.8-1.4% นำโดย ฮ่องกง จากการเก็งกำไรผลประกอบการหุ้นกลุ่มการเงิน อย่างไรก็ตาม 
ปัจจัยกดดันตลาดยังคงเป็นเรื่องสถานการณ์ความไม่สงบในลิเบียที่ยืดเยื้อ        
คาดการณ์ดัชนีในวันพรุ่งนี้ (1 มี.ค.) คาดว่ามีแนวโน้มแกว่งตัวอิงปัจจัยทั้งในและต่างประเทศ 
ยังต้องติดตามสถานการณ์ความไม่สงบในลิเบีย ทิศทางราคาน้ำมันและทองคำ ตัวเลขเศรษฐกิจและผลประกอบการไตรมาส 4/53 
ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งพรุ่งนี้กระทรวงพาณิชย์ของไทยจะแถลงเงินเฟ้อ ก.พ.54 
ขณะที่ตลาดจะหาสัญญาณเงินเฟ้อเพื่อคาดการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อไป คาดว่าจะส่งผลให้ 
ดัชนีมีแนวโน้มแกว่งตัว sideway ในกรอบ 980-995 จุด

หุ้นไทยปิดบวก 2 จุด ที่ 987.91 จุด ตามตลาดในภูมิภาคเอเซีย จับตาจลาจลในตะวันออกลาง
บรรยากาศการลงทุนตลาดหุ้นไทยวันนี้ (28 ก.พ.) ดัชนีแกว่งตัวผันผวน 
ท่ามกลางแรงขายทำกำไรระยะสั้น ระหว่างชั่วโมงการซื้อขายดัชนีปรับตัวต่ำสุดที่ 980.61 จุด 
ก่อนที่จะมีแรงซื้อในช่วงท้ายตลาดดันดัชนีปิดตลาดในระดับสูงสุดที่ 987.91 จุด บวก 2.00 จุด หรือ 0.20% 
ตามตลาดในภูมิภาคเอเซีย ที่ส่วนใหญ่ยังคงติดตามสถานการณ์จลาจลในตะวันออกลาง
หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรกประกอบด้วย
PTT  ปิดที่ 337.00 บาท  -6.00 (-1.75%)  
 
BANPU ปิดที่ 726.00  บาท -14.00 (-1.89%)  
 
KBANK ปิดที่ 117.50  บาท +3.00 (+2.62%)  
 
TMB  ปิดที่ 2.28  บาท +0.08 (+3.64%)  
 
PTTEP ปิดที่ 182.00 บาท +3.00 (+1.68%)



สรุปราคาซื้อขายทองคำ และ Gold Futures ภายในประเทศ ณ วันอังคาร ที่ 1 มีนาคม เวลา 09.00 น.

ข่าวเศรษฐกิจ ThaiPR.net -- อังคารที่ 1 มีนาคม 2554 11:15:25 น.
กรุงเทพฯ--1 มี.ค.--เอ็มทีเอส โกลด์ ฟิวเจอร์

สรุปสภาวะตลาดทองคำแท่ง และโกลด์ฟิวเจอร์ส วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2554

28/2/2011 15:38 น.
ราคาปิด
เปลี่ยนแปลง
%เปลี่ยนแปลง
สูงสุด
ต่ำสุด
ราคาเปิด
ราคาก่อนหน้า
GFJ11
20,540
60
0.29
20,600
20,540
20,570
20,480
GFM11
20,620
50
0.24
20,690
20,620
20,650
20,570
GFQ11
20,730
80
0.39
20,770
20,720
20,730
20,650
Spot Gold
1,408.50
-0.65
-0.05
1,415.65
1,408.50
1,409.15
1,409.15
THB
30.58
-0.04
-0.13
30.70
30.53
30.61
30.62
US/EU
1.3769
0.0013
0.09
1.379
1.3712
1.3756
1.3756

 จะเห็นได้ว่าค่าเงินดอลลาร์กลับมาอ่อนค่า เทียบกับสกุลเงินโดยทั่วไป 
ยูโรเมื่อวานอยู่ที่ 1.3735 ดอลลาร์/ยูโร และกลับขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 1.3805 ดอลลาร์/ยูโร ในเช้าวันนี้ 
สำหรับตัวเลขเศรษฐกิจเมื่อวานนี้ออกมาคละกัน โดยมีรายรับส่วนบุคคลสูงขึ้น แต่การใช้จ่ายน้อยลง นอกนั้นการซื้อขายบ้านมือสองก็ลดลง เหลือ -2.8% โดยที่ตลาดยังให้ความสนใจในความตึงเครียดตะวันออกกลางที่จะทำให้น้ำมันปรับตัวสูงขึ้น


ปริมาณการซื้อขาย Gold Future 50 บาท อยู่ที่ 3059 คู่สัญญา และ 10 บาท อยู่ที่ 3896 คู่สัญญา 
OI แบบ 50 บาท เพิ่มขึ้น 5 % และ 10 บาท เพิ่มขึ้น 3 %


วิเคราะห์ทางเทคนิค
ราคาทองคำเริ่มเข้าสู่ภาวการณ์ทรงตัวจากแรงเทขายทำกำไรโดยตลอด ภาพรวมๆราคาทองคำน่าจะเคลื่อนตัวในทิศทาง Sideway อยู่ในกรอบ 1407-1415 เหรียญ แนวรับอยู่ที่ระดับ 1400 เหรียญ แนวต้าน 1417 เหรียญ


ราคาทองคำแท่งของไทย ปิดตลาดที่ระดับ 20300 บาท และ 20400 บาท Spot ปิดตลาดที่ระดับ 1411 เหรียญ


ราคาทองคำแท่งของไทย จะมีแนวรับสำคัญอยู่ที่ระดับ 20150 บาท และมีแนวต้านสำคัญอยู่ที่ระดับ 20300 บาท


Gold Futures J11 จะมีแนวรับที่ระดับ 20500 บาท และแนวต้านที่ระดับ 20650บาท


คำแนะนำ
สำหรับนักลงทุนระยะรายวัน (Daily Trade)
เก็งกำไรในภาวการณ์แกว่งตัวของตลาดเช่นเดิม ราคาคงแกว่งตัวน้อยอยู่ในกรอบ 1407-1415 เหรียญ


นักลงทุนรายสัปดาห์ (Weekly Trade)
ยังเป็นการรอความชัดเจนของทิศทาง
นักลงทุนระยะยาวทองคำแท่ง
ยังเป็นการรอความชัดเจนของทิศทาง หลังจากเทขายทำกำไร อาจจะถือครองพอร์ตประมาณ 5-10 %



สภาวะตลาดวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2554 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ $1,408.50 – $1,415.65 ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFJ11 อยู่ที่ 20,540 บาท โดยราคาเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น 60 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 20,480บาทออกมา คือ ออกมา คือ
แนวโน้มวันที่ 1 มีนาคม 2554
ปัญหาในลิเบียยังคงรุนแรงจนกลายไปเป็นสงครามกลางเมืองในขณะที่ราคาน้ำมันขยับขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน ดันให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นได้อีกทางหนึ่ง ถึงแม้ว่าในช่วงท้ายของสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาน้ำมันจะปรับตัวย่อลงมาบ้างจากซาอุดิอาระเบียได้ประกาศเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันอีกราว 8% หรือประมาณ 9 พันล้านบาร์เรลต่อวัน เพื่อชดเชยยอดส่งออกน้ำมันจากลิเบียที่ปรับตัวลดลงอันเนื่องมาจากผลกระทบของสถานการณ์ความวุ่นวายภายในประเทศ ส่งผลให้เกิดแรงขายทองคำออกมาบ้าง แต่สุดท้ายแล้วตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาทองคำก็ยังคงปรับตัวขึ้นไป 22.55ดอลลาร์สหรัฐ ทางวายแอลจียังคงประเมินว่าราคาทองคำจะขยับขึ้นต่อไปได้เนื่องจาก ปัญหาจลาจลในตะวันออกกลางยังคงไม่มีท่าทีว่าจะคลี่คลายลง และปัญหาเงินเฟ้อของหลายๆประเทศที่ยังคงมีแนวโน้มสูงขึ้นต่อเนื่อง นอกจากนี้ตัวเลขการประมาณการGDPของสหรัฐที่ออกมาต่ำกว่าที่คาดมาก จะเป็นประเด็นที่นักลงทุนต้องจับตาให้ดีเนื่องจากในวันพุธจะมีการออกมาแถลงการณ์ของดร.เบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ(FED) ซึ่งทางวายแอลจีเชื่อว่าน่าจะมีการแสดงความคิดเห็นถึงตัวเลขประมาณการ GDP ที่ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 2.8% จากที่ประมาณการไว้ก่อนหน้าที่ 3.3% ซึ่งแสดงถึงสภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงอ่อนแอของสหรัฐ และหากเป็นจริงตามที่วายแอลจีคาดการณ์ กาขยับขึ้นอีกของราคาทองคำก็ไม่ได้ยากเกินไปนัก

ในด้านปัจจัยทางเทคนิคหลังจากสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาทองสามารถยืนเหนือแนว $1,400ได้ คาดการณ์ว่าราคาทองคำจะสามารถขึ้นไปทดสอบแนวต้านบริเวณ $1,424 ได้ แต่ก็จะมีแรงขายทำกำไรออกมาเป็นระยะ แต่สุดท้ายทางวายแอลจีเชื่อว่าฐานของราคาทองคำจะถูกยกให้สูงขึ้น เบื่องต้


แนะนำนักลงทุนที่มีทองคำให้ขายทำกำไรบางส่วนในบริเวณ $1,424(20,600บาท)และส่วนที่เหลือให้ถือต่อไป 
โดยอาจจะเข้าซื้อเพิ่มเติมได้แต่ต้องรอให้ราคาย่อตัวลงมาด้านล่าง ซึ่งประเมินไว้ที่ $1,400(20,250บาท)-$1,403(20,290บาท) อย่างไรก็ตามการเข้าซื้อแนะนำให้เป็นการทยอยซื้อสะสม สำหรับแนวรับแนวต้านประเมินไว้ดังนี้

แนวรับ      1,400 (20,250บาท)    1,396 (20,190บาท)   1,392(20,130บาท)
แนวต้าน    1,424 (20,600บาท)     1,433(20,730บาท)     1,440(20,830บาท)






การเงิน - การลงทุน

วันที่ 1 มีนาคม 2554 09:45

ทองรูปพรรณวันนี้ขายออกบาทละ20,800


สมาคมค้าทองคำรายงานราคาทอง96.5% ประจำวันที่ 1 มีนาคม 2554 
 ทองคำแท่งรับซื้อคืนบาทละ 20,300  บาท ขายออก 20,400 บาท 
ทองรูปพรรณรับซื้อคืนบาทละ 20,011.20 บาท  ขายออก 20,800  บาท 
ไม่เปลี่ยนแปลงเทียบราคาปิดวานนี้ 

คาดทองแกว่งตัวในกรอบ1,400-1,420$
ชลธิศ นวลพลับ ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส 
คาดทองแกว่งตัวอยู่ในกรอบ 1,400-1,420 ดอลลาร์ (1 มี.ค.)  
http://www.bangkokbiznews.com/home/video/?id=379582


ราคาทองคำในประเทศปรับขึ้นทำสถิติสูงสุด

คาดไตรมาส 2 ราคาทองมีโอกาสทุบสถิติใหม่
        กรุงเทพฯ 28 ก.พ. - นายจิตติ ต้ังสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ เปิดเผยว่า ราคาทองคำในประเทศปรับขึ้น 100 บาท ในเช้าวันนี้ ซึ่งเป็นราคาระดับสูงสุดอีกครั้ง 
โดยทองคำแท่ง ราคารับซื้อ 20,350 บาท ราคาขายออก 20,450 บาท 
ขณะที่ราคาทองรูปพรรณ รับซื้อที่ 20,056.68 บาท ขายออกที่ 20,850 บาท  
เนื่องจากนักเก็งกำไรยังอิงกระแสข่าวเหตุรุนแรงในลิเบีย ซึ่งมีผลให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวขึ้น ทำให้เกิดความกังวลว่าเศรษฐกิจโลกจะชะลอการขยายตัว 
โดยในระยะสั้นคาดว่าราคาทองจะแกว่งตัวไม่มาก และจะผันผวนรุนแรงในไตรมาส 2 ทั้งนี้ต้องติดตามว่าจะมีกระแสข่าวอะไรมาสร้างราคาทองต่อไป 
คาดปีนี้ราคาทองแกว่ง 1,200-1,500 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ 
แต่มั่นใจว่าไม่น่าจะเกิน 1,500 -1,600 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ เหมือนที่นักวิเคราะห์ต่างชาติคาดการณ์

ส่วนบรรยากาศร้านทองย่านเยาวราช เบาบางลง หลังจากมีคนทยอยนำทองออกมาขายจากสัปดาห์ที่ผ่านมา เพราะราคาทองที่แพงขึ้น ทำให้ลูกค้าที่นำทองคำออกมาขายเพื่อเก็บกำไรบางส่วน ส่วนคำ
แนะนำขอให้นักลงทุนทยอยขายทองออกมา เพราะราคาทองขึ้นมามากแล้ว. –สำนักข่าวไทย


http://www.mcot.net/cfcustom/cache_page/175050.html






ทองคำพุ่งอีก100ดอลล์

วายแอลจี เผยเหตุจลาจลตะวันออกกลางดันราคาทองพุ่งขึ้นแล้ว 100 ดอลลาร์ต่อออนซ์ 
มองเป้าหมายระยะยาว 1,500 ดอลล์/ออนซ์ 
นางสาวฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด
 เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ความไม่สงบภายในภูมิภาคตะวันออกกลาง 
ได้ส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะราคาทองคำที่ได้มีการขยับขึ้นมาแล้ว
ประมาณ 100 ดอลลาร์ต่อออนซ์ภายในไม่กี่สัปดาห์ นับจากเหตุการณ์จลาจลในประเทศอียิปต์
เริ่มปะทุขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา 
จากราคาทองคำช่วงก่อนหน้านั้นได้ร่วงลงไปแตะที่ 1,308 ดอลลาร์ต่อออนซ์
และถึงแม้ปัญหาในอียิปต์จะคลี่คลายไปแล้วหลังจากประธานาธิบดีฮอสนี มูบารัค ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่ง 
แต่กลับเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาจลาจลในตะวันออกกลาง ไม่ว่าจะเป็น เยเมน บาห์เรน ซีเรีย อิหร่าน ลิเบียและประเทศใกล้เคียง
 โดยเฉพาะลิเบียที่อาจปรับเปลี่ยนจากจลาจลกลายไปเป็นสงครามกลางเมือง หลังจากพันเอกมูอัมมาร์ กัดดาฟี 
ผู้นำลิเบียยังคงยืนยันที่จะไม่ลงจากอำนาจ และปลุกระดมให้กลุ่มผู้สนับสนุนใช้กำลังโจมตีกลุ่มผู้ต่อต้าน 
ผลักดันให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์ในลิเบียรวมถึงประเทศต่างๆ ในตะวันออกกลางยังคงตึงเครียดอยู่เช่นนี้ 
บริษัทคาดการณ์ว่าราคาทองคำจะยังคงขยับขึ้นต่อไปได้อย่างต่อเนื่อง 
โดยประเมินเป้าหมายระยะยาวจะอยู่ประมาณ 1,500 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 21,750 บาท/บาททองคำ
ส่วนเป้าหมายระยะสั้นอยู่ที่ 1,424-1,430 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 20,640-20,730 บาท/บาททองคำ 
 เบื้องต้นแนะนำให้นักลงทุนเข้าซื้อที่บริเวณแนวรับ 1,402 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 20,250 บาท/บาททองคำ 
แต่อย่างไรก็ตามทางวายแอลจีแนะนำให้ติดตามประเด็นตะวันออกกลางอย่างใกล้ชิด 
หากสถานการณ์เริ่มคลี่คลายลง การขายทำกำไรอาจเกิดขึ้นได้ทุกระดับราคา
 โดยเฉพาะบริเวณ 1,424 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 20,640 บาท/บาททองคำ
นางสาวฐิภา กล่าวว่า ในขณะที่ราคาทองคำในประเทศไทยก็ปรับตัวขึ้นเช่นกัน
โดยสามารถยืนอยู่เหนือ 20,000 บาท อย่างไรก็ตามจะเห็นว่า
ราคาทองคำในประเทศยังคงมีความเสี่ยงมากกว่าราคาทองคำโลก
เนื่องจากค่าเงินบาทยังคงความผันผวนต่อเนื่อง 
ทำให้นักลงทุนในประเทศยังคงต้องใช้ความระมัดระวังอย่างสูง




อัตราแลกเปลี่ยนวันนี้ขายออก30.83บ./$

ดอลลาร์สหรัฐ รับซื้อที่ 29.45 บาท ขายออก 30.83 บาท (-)
ยูโรอยู่ที่ระดับ 42.73 บาทต่อยูโร ปอนด์อยู่ที่ 50.55 บาทต่อปอนด์  (+)
เงินหยวนของจีน อยู่ที่ 4.87 และ  (*)
เงินเยนของญี่ปุ่น อยู่ที่ 0.3803  (-)
(2011.03.01)

 อัตราแลกเปลี่ยนวันนี้ขายออก30.86บ./$

ดอลลาร์สหรัฐ รับซื้อที่ 29.48 บาท ขายออก 30.86 บาท 
ยูโร อยู่ที่ระดับ 42.48 บาทต่อยูโร ปอนด์อยู่ที่ 49.96 บาทต่อปอนด์ 
เงินหยวนของจีน อยู่ที่ 4.87 และเงินเยนของญี่ปุ่น อยู่ที่ 0.38193




















อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ประจำวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2554

อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคาร = 30.623 บาท ต่อ 1 ดอลลาร์ สรอ.
( บาท ต่อ 1 หน่วยเงินตราต่างประเทศ )
ประเทศ สกุลเงิน อัตราซื้อถัวเฉลี่ย อัตราขายถัวเฉลี่ย
ตั๋วเงิน ทางโทรเลข
สหรัฐอเมริกา USD 30.3775 30.4759 30.7516
สหราชอาณาจักร GBP 48.8885 49.0541 49.7535
ยูโรโซน EUR 41.8922 42.0169 42.6302
ญี่ปุ่น (ต่อ 100 เยน) JPY 36.8885 36.9995 37.7299
ฮ่องกง HKD 3.8823 3.8987 3.9572
มาเลเซีย MYR 9.8172 9.8932 10.1380
สิงคโปร์ SGD 23.6746 23.7531 24.2165
บรูไนดารุสซาลาม BND 23.2375 23.6528 24.2766
ฟิลิปปินส์ PHP 0.6753 0.6884 0.7098
อินโดนีเซีย (ต่อ 1000 รูเปีย) IDR 3.1750 3.2565 3.6755
อินเดีย INR 0.5936 0.6183 0.7191
สวิตเซอร์แลนด์ CHF 32.7154 32.8087 33.3934
ออสเตรเลีย AUD 30.5814 30.6870 31.2511
นิวซีแลนด์ NZD 22.6416 22.7227 23.2111
ปากีสถาน PKR 0.3464 0.3481 0.3694
แคนาดา CAD 30.8091 30.9106 31.4452
สวีเดน SEK 4.7335 4.7543 4.8412
เดนมาร์ก DKK 5.6093 5.6294 5.7252
นอร์เวย์ NOK 5.3941 5.4140 5.5037
จีน CNY 4.5508 4.5848 4.7340


http://www.bot.or.th/thai/statistics/financialmarkets/exchangerate/_layouts/application/exchangerate/exchangerate.aspx

No comments:

Post a Comment