กกต.ฟิลิปปินส์ทำประเทศพัง (ตอน 1)
โดย คุณนิติ นวรัตน์
ผมมีความรู้สึกว่า ประเทศไทยของเรากำลังจะเข้ายุคเ สื่อมถอย ขอเรียนนะครับ ว่ายุคเสื่อมถอยที่เกิดขึ้นกับป ระเทศใดประเทศหนึ่งไม่ได้กินเวล าแค่สี่ซ้าห้าปี แต่ส่วนใหญ่จะยาวนานถึง 15-20 ปี ประเทศก็เหมือนคนนะครับ บางห้วงก็เจริญรุ่งเรือง บางช่วงก็ตกอับ ผู้ใหญ่ท่านหนึ่งซึ่งผมรู้จักเค ยรุ่งเรืองเมื่อ 20 ปีที่แล้ว พอถึงปัจจุบันทุกวันนี้ ชีวิตของท่านแย่ทั้งเศรษฐกิจ สังคม และสุขภาพ ความตกต่ำส่วนใหญ่มาจากความไม่ร ะมัดระวังในการดำเนินชีวิต และความทะเลาะเบาะแว้งที่เกิดขึ ้นอย่างยาวนานในครอบครัวของผู้ใ หญ่ท่านที่ว่า
พ่อเคยชี้ให้ดูบ้านของท่านผู้ให ญ่หลังหนึ่งซึ่งสำเร็จการศึกษาท างวิทยาศาสตร์บัณฑิตจากสาธารณรั ฐฟิลิปปินส์ พร้อมทั้งเล่าให้ผมฟังว่า สมัยก่อนตอน 40-50 ปีที่แล้ว ฟิลิปปินส์เป็นสาธารณรัฐรุ่งเรื องมาก พ.ศ.2503 รายได้ต่อหัวของคนฟิลิปปินส์สูง ถึง 696 เหรียญสหรัฐฯ ในขณะที่รายได้ต่อหัวของคนไทยใน พ.ศ.2503 มีเพียง 359 เหรียญ คนฟิลิปปินส์มีรายได้สูงกว่าคนไ ทยถึง 2 เท่า ไม่ใช่เฉพาะสูงกว่าคนไทยเท่านั้ นนะครับ สูงกว่าคนเกาหลีใต้และคนจีนเสีย ด้วยซ้ำ ฟิลิปปินส์เป็นประเทศที่มีอัตรา การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจสูงสุ ดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใ ต้ สถาบันการศึกษาของฟิลิปปินส์ทุก ระดับได้รับความนิยมเป็นอย่างมา ก ใครสำเร็จการศึกษาจากฟิลิปปินส์ ได้รับการยอมรับนับถือว่ามีความ รู้ดี
เวลาหมุนเวียนเปลี่ยนไป 20 ปีให้หลัง ใครจะนึกเล่าครับ ว่า พ.ศ.2523 รายได้ต่อหัวของคนฟิลิปปินส์จะร ่วงต่ำกว่าของคนเกาหลีได้ (แต่ก็ยังสูงกว่าคนไทยและจีน) สังคมของฟิลิปปินส์หลังจาก พ.ศ.2523 มีแต่การทะเลาะเบาะแว้ง นายเบนิคโน อากีโน วุฒิสมาชิกที่ได้รับสมญานามว่าห นุ่มมหัศจรรย์แห่งการเมืองฟิลิป ปินส์ถูกไล่ออกนอกประเทศ บั้นปลายท้ายที่สุดก็ถูกทหารยิง เสียชีวิตเมื่อ 22 สิงหาคม พ.ศ.2526 จากนั้นมาสังคมฟิลิปปินส์ก็มีแต ่เรื่องทะเลาะเบาะแว้ง ต่อสู้กัน มีแต่การเดินขบวนทุกเมื่อเชื่อว ัน
ภาพลักษณ์ของประเทศฟิลิปปินส์ที ่เคยโดดเด่นเป็นสง่าร่วงไม่เป็น ท่า ใครจะเล่นการเมืองก็ต้องแอบตั้ง กลุ่มสนับสนุนเช่น กลุ่มยุติธรรมเพื่ออากีโนที่เรี ยกร้องให้นางเกลาซอน อากีโน ลงสมัครประธานาธิบดี การเลือกตั้งในฟิลิปปินส์เลื่อน แล้วเลื่อนอีก
กลุ่มที่สร้างเรื่องยุ่งยากในกา รเมืองฟิลิปปินส์มากที่สุดกลุ่ม หนึ่งก็คือ ‘คณะกรรมการเลือกตั้ง’ ที่มีแต่ความไม่น่าเชื่อถือ เพราะกรรมการเอนไปเอียงมา แทนที่จะมีมาตรฐานมั่นคง กรรมการเลือกตั้งฟิลิปปินส์ในยุ คนั้นกลับได้พวกเสาหลักปักขี้เล น ประชาชนคนฟิลิปปินส์ใน พ.ศ.2529 ไม่เชื่อถือคณะกรรมการเลือกตั้ง และทำให้เหตุการณ์สับสนวุ่นวายข นาดประกาศแต่งตั้งคณะกรรมการเลื อกตั้งมากกว่าหนึ่งชุด ก็ยังไม่มีข้อยุติ รัฐบาลจึงประกาศแต่งตั้ง Commission on Election หรือคณะกรรมาธิการเลือกตั้ง ผู้อ่านท่านคงจะเคยคุ้นชื่อ ‘คอมเลก’ นะครับ แต่กรรมการบางคนในคอมเลกมีพฤติก รรมโอนเอียงชัดเจน ประชาชนคนเกือบครึ่งสาธารณรัฐจึ งไม่เอาด้วย ผู้คนจึงต้องรวมตัวกันเป็นอาสาส มัครเลือกตั้ง มีทั้งนักธุรกิจ พ่อค้า ประชาชน ฯลฯ ตั้งเป็นคณะกรรมการเลือกตั้งเอก ชน และเรียกตัวเองว่า ‘นัมเฟรล’ ซึ่งย่อมาจาก National Movement For Free Election
พอถึงวันเลือกตั้ง ไอ้นั่นก็ประท้วง ไอ้นี่ก็ประท้วง การเลือกตั้งเป็นไปอย่างทุลักทุ เล ที่ทุลักทุเลกว่าก็คือ การนับคะแนนและรายงานผลเลือกตั้ ง ซึ่งเป็นไปอย่างสับสนวุ่นวายที่ สุดกุดถังสังฆังทำโม คณะกรรมาธิการเลือกตั้ง ‘คอมเลก’ ประกาศให้ผู้สมัครคนหนึ่งเป็นผู ้ชนะ แต่คะแนนจากคณะกรรมการเลือกตั้ง เอกชน ‘นัมเฟรล’ ให้ผู้สมัครอีกคนหนึ่งชนะ เจ้าหน้าที่ที่ป้อนข้อมูลในคอมพ ิวเตอร์ต้องหนีเหล่าเท้าของประช าชนคนที่ตามมารุมกระทืบ
พ.ศ.2543 รายได้ต่อหัวของคนไทยสูงกว่าฟิล ิปปินส์ แต่คนฟิลิปปินส์ก็ยังมีรายได้ต่ อหัวสูงกว่าคนจีน
พ.ศ.2555 คนจีนมีรายได้สูงกว่าคนไทยและฟิ ลิปปินส์
รายได้ต่อหัวของคนฟิลิปปินส์คือ 1,501 เหรียญ
ขณะที่คนไทยมีรายได้สูงถึง 3,351 เหรียญ
ความไม่เชื่อมั่นในระบบเลือกตั้ ง เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ทุกวันนี้ ฟิลิปปินส์ต้องส่งออกคนใช้และเส มียนไปทำงานหาเงินทั่วโลก.
โดย คุณนิติ นวรัตน์
ผมมีความรู้สึกว่า ประเทศไทยของเรากำลังจะเข้ายุคเ
พ่อเคยชี้ให้ดูบ้านของท่านผู้ให
เวลาหมุนเวียนเปลี่ยนไป 20 ปีให้หลัง ใครจะนึกเล่าครับ ว่า พ.ศ.2523 รายได้ต่อหัวของคนฟิลิปปินส์จะร
ภาพลักษณ์ของประเทศฟิลิปปินส์ที
กลุ่มที่สร้างเรื่องยุ่งยากในกา
พอถึงวันเลือกตั้ง ไอ้นั่นก็ประท้วง ไอ้นี่ก็ประท้วง การเลือกตั้งเป็นไปอย่างทุลักทุ
พ.ศ.2543 รายได้ต่อหัวของคนไทยสูงกว่าฟิล
พ.ศ.2555 คนจีนมีรายได้สูงกว่าคนไทยและฟิ
รายได้ต่อหัวของคนฟิลิปปินส์คือ
ขณะที่คนไทยมีรายได้สูงถึง 3,351 เหรียญ
ความไม่เชื่อมั่นในระบบเลือกตั้
กกต.ฟิลิปปินส์ทำประเทศพัง (ตอน 2)
โดย คุณนิติ นวรัตน์
ฟิลิปปินส์เป็นตัวอย่างของประเท ศที่เคยเจริญรุ่งเรือง แต่สถานการณ์การเมืองภายในประเท ศวุ่นวาย เวลาหมุนเวียนเปลี่ยนไปไม่นาน จากสาธารณรัฐที่เคยรุ่งเรืองเฟื ่องฟุ้ง ก็กลายเป็นประเทศที่ถูกประเทศอื ่นแซงหน้าไปทีละประเทศสองประเทศ
จากประเทศที่มีงานเยอะแยะ ฟิลิปปินส์กลายเป็นประเทศที่ไม่ ค่อยมีงานให้ประชาชนคนของตนเองท ำ คนฟิลิปปินส์ถูกผลักไสให้ต้องออ กไปทำงานในต่างประเทศ
ความเสื่อมถอยของฟิลิปปินส์มาจา กหลายประการครับ หนึ่งในมากมายหลายประการนั้นก็ค ือ วิกฤตศรัทธาที่ประชาชนมีต่อระบอ บประชาธิปไตย
ระบอบประชาธิปไตยในฟิลิปปินส์เค ยแย่ขนาดกลายเป็นระบอบขยะ เพราะความเหลวเป๋วของคณะกรรมการ เลือกตั้ง ซึ่งแทนที่จะปฏิบัติหน้าที่อย่า งเป็นกลาง กลับเอียงกะเท่เร่ เมื่อไม่มีความเชื่อถือ ก็ต้องมีคณะกรรมการการเลือกตั้ง อุบัติขึ้นมามากกว่าหนึ่งชุด เมื่อวานผมรับใช้ไปแล้วสองชุดหล ัก ทั้งชุดที่เรียกว่า ‘คอมเลก’ และชุดที่เรียกว่า ‘นัมเฟล’
ขอฉายหนังตัวอย่างแค่การเลือกตั ้งประธานาธิบดีเมื่อ พ.ศ.2529 วันลงคะแนนของการเลือกตั้งในครั ้งนั้นก็เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ตอนแรกประกาศว่าจะเลือกตั้งกันใ นวันที่ 17 มกราคม สุดท้ายก็เปลี่ยนมาเลือกตั้งกัน ในวันที่ 7 กุมภาพันธ์
คณะกรรมการเลือกตั้งของฟิลิปปิน ส์ทำประเทศเละตุ้มเปะ แม้แต่ผลการเลือกตั้ง ก็ประกาศไม่ตรงกัน คณะกรรมาธิการเลือกตั้ง ‘คอมเลก’ ประกาศว่ามาร์กอสเป็นฝ่ายนำ ขณะที่คะแนนจากกรรมการเลือกตั้ง เอกชน ‘นัมเฟล’ ที่เป็นการรวมตัวกันของนักธุรกิ จ พ่อค้า ประชาชน และนักศึกษา กลับประกาศว่าโกราซอน อากีโน เป็นฝ่ายนำ
สภานิติบัญญัติแห่งชาติประกาศผล การเลือกตั้งให้มาร์กอสเป็นฝ่าย ชนะ แต่ประชาชนฟิลิปปินส์ตอนนั้นไม่ ฟังใครแล้ว เพราะคณะกรรมการเลือกตั้งบั่นทอ นความเชื่อถือของสถาบันต่างๆ ซะจนเละไปหมดแล้ว ให้ประกาศจนคอพังก็ไม่มีใครเชื่ อ คนแต่ฝ่ายต่างก็ก่อตัวมารวมกันเ ป็นพลังประชาชน กลุ่มใหญ่ที่สุดชื่อ People Power Revolution กลุ่มพลังประชาชนปฏิวัติ
ตอนนั้น รัฐสภาอเมริกันและรัฐสภายุโรปมี มติด้วยคะแนนเสียงเป็นเอกฉันท์ป ระณามการเลือกตั้งในฟิลิปปินส์ หลายประเทศที่วิเคราะห์ว่า ฝ่ายมาร์กอสทำผิด ต่างก็เข้าไปพบนายโกราซอน อากีโน เช่นพวกทูต 14 ประเทศในฟิลิปปินส์ สภาคริสเตียนเพื่อประชาธิปไตยระ หว่างประเทศส่งโทรเลขให้มาร์กอส ประธานาธิบดีเรแกนขอร้องให้มาร์ กอสยอมแพ้ ฯลฯ ต่างคนต่างมีแรงหนุนจากทั้งในแล ะต่างประเทศพอๆ กัน
25 กุมภาพันธ์ 2529 คือวันสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประ ธานาธิบดี เพราะคณะกรรมการเลือกตั้งมี 2 คณะ วันนั้น จึงมีพิธีสาบานตนเป็นประธานาธิบ ดีของทั้ง 2 คน
ทว่า ในตอนเย็นของวันสาบานตน ก็มีพลังอันยิ่งใหญ่อุบัติ ทำให้มาร์กอสและครอบครัวต้องหนี ออกนอกประเทศ ความขัดแย้งภายในประเทศ ทำให้ประชาชนแบ่งเป็นฝักเป็นฝ่า ย ฝ่ายที่ชนะมีพลังประชาชนมากกว่า สามารถทำให้สถานการณ์พลิกผันได้
เช่นเดียวกันกับพวกมาร์กอส ซึ่งเป็นตระกูลที่มีบารมีและอำน าจเป็นอันดับหนึ่งของประเทศมายา วนาน ไม่เคยนึกมาก่อนเลยครับ ว่าชีวิตของตนและครอบครัวจะมีวั นที่ต้องทิ้งฟิลิปปินส์ไปชั่วนิ รันดร์พันปี เรื่องนี้เอาไว้ผมค่อยกลับมารับ ใช้ท่านกันต่อ แต่เรื่องที่จะเขียนในวันนี้ ผมอยากรับใช้ท่านว่า การไม่ยอมกัน ทำให้ประเทศฟุบยาวหลายสิบปี
ประเทศที่มีแต่ความขัดแย้งกัน จะทำให้ไม่มีความชัดเจนในเรื่อง อำนาจ เมื่อไม่มีความชัดเจนในเรื่องอำ นาจ ข้าราชการซึ่งเป็นกลไกสำคัญในกา รทำงานของภาครัฐจะไม่ยอมทำงาน แถมยังถือโอกาสใช้ช่วงที่มีสุญญ ากาศทางการเมืองคอรัปชั่นมโหฬาร อีกด้วย
พรรคใหญ่สุดของประเทศคือ พรรคข้าราชการ เมื่อพรรคข้าราชการไม่ขยับขับเค ลื่อนและยังถือโอกาสคอรัปชั่น อันนี้เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ประ เทศเข้าสู่สภาวะถดถอยยาวนาน.
โดย คุณนิติ นวรัตน์
ฟิลิปปินส์เป็นตัวอย่างของประเท
จากประเทศที่มีงานเยอะแยะ ฟิลิปปินส์กลายเป็นประเทศที่ไม่
ความเสื่อมถอยของฟิลิปปินส์มาจา
ระบอบประชาธิปไตยในฟิลิปปินส์เค
ขอฉายหนังตัวอย่างแค่การเลือกตั
คณะกรรมการเลือกตั้งของฟิลิปปิน
สภานิติบัญญัติแห่งชาติประกาศผล
ตอนนั้น รัฐสภาอเมริกันและรัฐสภายุโรปมี
25 กุมภาพันธ์ 2529 คือวันสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประ
ทว่า ในตอนเย็นของวันสาบานตน ก็มีพลังอันยิ่งใหญ่อุบัติ ทำให้มาร์กอสและครอบครัวต้องหนี
เช่นเดียวกันกับพวกมาร์กอส ซึ่งเป็นตระกูลที่มีบารมีและอำน
ประเทศที่มีแต่ความขัดแย้งกัน จะทำให้ไม่มีความชัดเจนในเรื่อง
พรรคใหญ่สุดของประเทศคือ พรรคข้าราชการ เมื่อพรรคข้าราชการไม่ขยับขับเค
No comments:
Post a Comment