P. "ข้างบน"
ผมต้องขอบอกอีกทีว่า ทุกๆวัน ผมตื่นนอนขึ้นมา และใช้เวลาตลอดวัน ด้วยความรู้สึกไม่สบายใจมากๆ ว่า ยังมีคนธรรมดาๆติดคุกด้วยเหตุการเมือง 40-50 คน โดยทีตัวเองไม่สามารถช่วยอะไรได้ บางทีอยู่ในอารมณ์ที่หดหู่ หมดอาลัยตายอยาก (despair) เอาเหมือนกัน
เหมือนที่ อ. Piyabutr Saengkanokkul พูดไว้ และผมก็พูดมาหลายครั้งแล้วว่า ประเทศไทย มันวิปริตมาก ที่เกิดภาวะเช่นนี้
คือต่อให้เห็นว่า ต้องดำเนินการทางกฎหมายอะไรแบบนั้น ปกติ ประเทศไหนในโลกทีเจริญแล้ว ถ้ามีเรื่องแบบนี้ เขาก็เล่นงาน ตั้งข้อหา หรือจับ เฉพาะระดับนำ ระดับรับผิดชอบของขบวน ไมใช่ มาจับคนระดับล่างๆแบบนี้ ขังคุก
เรื่องวิปริตนี้ แน่นอน เริ่มมาจาก รบ. ปชป.
แต่สำหรับหลายท่านทียังยืนกรานดีเฟนด์ รบ.เพื่อไทย ทีมีอายุมา 7-8 เดือนแล้ว ทำนองว่า รบ.ทำอะไรไม่ได้
ผมยืนยันว่า เฉพาะเรื่องนี้ ทำได้แน่นอนครับ และควรทำอย่างยิ่ง ควรทำมาก่อนหน้านี้หลายเดือนแล้วด้วยซ้ำ
(ถ้าผมจะเดา ผมก็ว่า อ.ปิยบุตร คงเห็นด้วยกับผมในแง่นี้ ที่อาจารย์เคยพูดเรื่อง มันขึ้นกับเจตนารมณ์ว่า มีเจตนารมณ์ทีจะทำหรือไม่ ไมใช่ เรื่องทำไม่ได้)
คือเรื่องระดับนำ (รวมไปถึงเรื่องคุณทักษิณ) ก็ว่ากันไป ต่อรอง ยื้อยุด กันไป ทำยากแน่ๆ แต่เรื่องคนธรรมดานี้ ทำได้แน่
อภิสิทธิ์ สุเทพ เอง ก็พูดออกมาทำนองนี้แล้ว, ไม่กี่วันก่อน ธาริต ก็ให้สัมภาษณ์ บอกว่า ตัวเองเคยเสนอให้ นิรโทษ พวก ลุง ป้า น้า อา (และทหารระดับล่าง) ไปนานแล้ว
คือ ประเทศนี้ อย่างทีผมเคยบ่นไปนานแล้วว่า แม้แต่เรือ่งแบบนี้ ก็สะท้อนลักษณะ elitist (ให้ความสำคัญกับระดับนำมากกว่าคนธรรมดา) มากๆ
ขอร้อง วิงวอน อีกครั้ง ไปยัง รบ. และ สส.ว่า ผลัก กม.นิรโทษ คนธรรมดา 40-50 คนเหล่านัน ออกมาเถิดครับ
แล้วเรื่องพวกท่าน ระดับแกนนำ ระดับคนสังการของ รบ.ก่อน ระดับบัญชาการของหทาร หรือแม้แต่เรือ่ง คุณทักษิณ ก็ค่อยไปเจรจา ไปทะเลาะต่อสุ้กันไป
เห็นใจคนธรรมดาๆทีเขาเดือดร้อนมากกว่าพวกท่าน อย่างเทียบกันไมได้นี้ เถิด
ในเมื่อทำได้ (และใครๆ ก็บอกว่าทำได้) ก็ควรทำครับ
อย่างน้อย ลอง "นับหนึง" ให้เห็นหน่อย
ยังไม่ทันลอง ยังไม่ทันรู้ว่าจะมีการต่อต้าน ระดับไหน (ผมยืนยันว่า ถ้ามี ในเรืองนี้ ก็ "เอาอยู่" มากกว่ากรณีคุณทักษิณแน่ๆ) ก็อ้างว่า ทำไมได้เสียแล้ว
มันไม่ถูกหลักจริยธรรม คุณธรรม มากๆเลยครับ
ขอเถิดครับ
อันนี้ มาโพสต์ให้เห็นชัดๆ เผื่อใคร ยังไม่เห็น
ที่ผมอ้างในกระทู้ข้างล่างว่า แม้แต่ธาริต ก็ยังบอกว่า นิรโทษกรรม เฉพาะระดับธรรมดาๆทำได และควรทำ
นี่คือทีเขาให้สัมภาษณ์ไว้ไม่กีวันก่อน แน่นอน ธาริต อาจจะใช้ภาษาไม่ดี "หัวโจกและตัวร้ายจริงๆ" (รวม "หัวโจกและตัวร้ายจริงๆ" ของฝ่าย รบ. ก่อน และทหารด้วยหรือไม่?) แต่ตรรกะของทีเขาพูดชัดเจนนะผมว่า คือ นิรโทษ ระดับล่างทุกฝ่าย
"ซึ่งการนิรโทษมันก็มีหลายระดับ หลายดีกรี เช่น ลุงป้าน้าอา ที่มาชุมนุมก็ควรนิรโทษกรรมหรือไม่ จะได้ไม่มีเรื่องติดตัว ขณะที่เจ้าหน้าที่ของรัฐที่เข้าไปในเหตุการณ์โดยที่ไม่มีเจตนาไปฆ่าใคร แต่เป็นการป้องกันทรัพย์สิน บ้านเมืองให้ปลอดจากความวุ่นวายก็ควรได้รับการนิรโทษกรรม และอภัยให้กัน แต่คนที่เป็นหัวโจกและตัวร้ายจริงๆก็ต้องพิจารณาตามความรุนแรง"
(เห็นไหมครับ ทีใครชอบอ้างว่า นิรโทษกรรม แยกไม่ได้ๆๆ ยังไงก็ต้องรวมไปกับกรณีคุณทักษิณ หรือฝ่ายนำของอีกฝ่าย อะไรโน่น แยกได้ ล้านเปอร์เซนต์ ครับ มีเจตนารมณ์ ที่จะทำหรือเปล่าเท่านั้น)
http://www.dailynews.co.th/crime/23240
มีความเป็นไปได้ไหมที่ "กระบวนการปรองดอง" ที่ รบ. ดำเนินอยู่นี้ จะไม่สำเร็จ "พัง" หรือ ล้มเหลวก่อน (เช่น "ข้างบน" หรือ "ข้างหลัง" "ข้างๆ" หรือ "ข้าง.." อะไรก็แล้วแต่ เปลี่ยนใจ เบี้ยว ขัดขวาง ฯลฯ)
ผมมองว่า เป็นไปได้
แต่นี่ยิ่งเป็นเหตุผลว่า ทำไม ต้องหาทางนิรโทษกรรมคนธรรมดาในคุก(และที่ยังติดคดี)ออกมาก่อน โดยเร็วที่สุด
อย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้ ชะตากรรมและอิสรภาพของพวกเขา ถูก "พ่วง" เข้าไปกับ "กระบวนการปรองดอง" ที่ รบ.ทำ
นอกจาก ปัญหาที่ผมพูดมาหลายคร้้งแล้วว่า นี่เป็นการไม่แฟร์ ทีให้พวกเขา "รอ" อย่างยาวนาน ลำบากเกินไปสำหรับคนเหล่านี้ (ตามที่เป็นอยู่ อย่างเร็วที่สุด กว่าที่ "กระบวนการปรองดอง" ของ รบ. จะออกมาในรูป กม.นิรโทษกรรมคลุมหมด ได้ ก็อาจจะ สิงหา หรืออาจจะไปถึง ธันวาคม เลย)
ยังมีปัญหาที่พูดนี้คือ เกิด "กระบวนการปรองดอง" ทีว่านี้ ล้มขึ้นมา การ "รอ" ที่ยาวนั้น จะยิ่งแย่ คือ รอแบบสูญเปล่าเลย
ทุกวันนี (ผมพูดเรื่องนี้ได้ เพราะ อ.หวาน Suda Rangkupan เคยโพสต์เรื่องนี้เมื่อวันก่อน ที่ผม share ให้ดู) เริ่มเกิดบรรยากาศ หรือความรู้สึกในหมู่คนคุกว่า การวิจารณ์ "กระบวนการปรองดอง" จะทำให้ พวกเขา "อดได้ออกจากคุก"
เรื่องนี้ มี "มูลความจริง" เพียงนิดเดียว ในแง่ทีว่า ถ้า "กระบวนการปรองดอง" เกิด "พัง" ขึ้นมา
พวกในคุก ก็ไม่ได้ออกแน่
แต่ปัญหา มันเริ่มมาจากการที่ พรรคเพื่อไทย เอาอิสรภาพของพวกเขาไป "พ่วง" ไว้กับ "กระบวนการ" ที่ว่า (ซึง โดยการวมทั้งกรณีทักษิณ และกรณี "ผู้สังฆ่า" ทำให้ มีความเสียงสูง ของการ ไม่สำเร็จ)
ทางออกที่ดีทีสุด ไมใช่ ไปบอกให้คนคุกเหล่านั้น เข้าใจผิด และตัดพ้อต่ว่า คนทีวิจารณ์ "กระบวนการปรองดอง"
ยิ่งไมใช่ การใช้เรื่องนี้ มา "ขอ" ให้คนทีวิจารณ์ หยุดการวิจารณ์ "กระบวนการปรองดอง"
เพราะต่อให้ ไม่มีคนวิจารณ์เลย การ "พวง" เช่นนี้ ก็ยังหมายความว่า (ก) คนคุกยังต้องอยู่ต่อไปอีกหลายเดือน และ (ข) กระบวนการ ทั้งหมด ยังมีสิทธิ์ ล้ม ได้ เพราะเรื่องทักษิณ และ "คนสังฆ่า"
ทางออกทีดีทีสุด คือ "แยก" กรณีคนธรรมดาออกมา และหาทางนิรโทษกรรมพวกเขาออกมาโดยเร็ว
เพื่อป้องกันว่า ถึงเวลา กระบวนการปรองดอง อาจจะ ไม่ไปถึงไหน หรืออาจจะไม่สำเร็จ
พวกเขาจะได้ไม่ต้อง "รอ" (ซึงไม่ควรอยู่แล้ว) แล้วยัง "สูญเปล่า" กับเวลาที่ต้อง "รอ" นั้นด้วย
อีกนิดนะตรับ ไอ้ทีบางครั้งชอบอ้างๆกันว่า "ข้างบน" ("บน" ไหนก็ไม่ทราบ 555) "ไม่ยอมๆ" เวลาผมเสนอเรื่องนิรโทษ คนธรรมดาๆน่ะ (ถึงกับบางคนดันมาถามว่า ผมรู้ไหมว่า "สู้กับใคร?" - แหม ผมรู้เรื่องนี้เป็นสิบๆปี ก่อนชื่อทักษิณจะเป็นทีรู้จักกันในประเทศด้วยซ้ำ)
คือ มันมีวี่แวว หรือสัญญาณ หรือหลักฐานอะไรหรือว่า "ข้างบน" เขาแคร์มากมายเรื่อง คนธรรมดาๆ 40-50 คนน่ะ? (หรือเขาห่วงเรื่อง ทักษิณ มากกว่า?)
ขนาดคดี 112 อย่างทีพอรู้ๆกันว่า ตอนนี้ ก็มีสัญญาณมาว่าจะหาทางให้อภัยโทษ
แล้วคดีพวกจลาจล เผาจวน ฯลฯ ที่โดนๆกันอยู่ "ข้างบน" เขาจะมีปัญหามากมายหรือ?
และอย่างที่พูดไม่รู้กี่ครั้งว่า เคยลองหรือยัง? ทำไม่ลอง "นับหนึง" ก่อน?
มีสัญญาณต่อต้าน อะไรค่อยมาว่ากันว่า "เอาอยู่" ไหม (ผมว่า ยังไงก็ "เอาอยู่" ในเรื่องนี้)
กรณีข้อเสนอนิติราษฎร์ เรืองคดีจากการ รปห. ผมยังเอาไปคิดต่อตลอดเวลา ไม่เคยหยุดคิดเลย เพราะผมเห็นว่า เป็นข้อเสนอทีซีเรียส
ก็พยายาม "คิดตาม" จริงๆว่า ถ้าทำแบบทีนิติราษฎร์ เสนอจะนำมาซึงอะไรบ้าง
และทีสำคัญ มันจะต่างอะไรกับ ที่ผมเสนอ คือ ให้ นิรโทษกรรม คนธรรมดา แยกอออกมาก่อนโดยทันที
ต้องเรียนตรงๆว่า คิดยังไง ก็ได้ข้อสรุปแบบที่เคยเขียนไปคือ
(1) ในที่สุด ทำแบบทีนิติราษฎร์ เสนอ ผลออกมา ก็ไม่ต่างจากที่ผมเสนอ คือ ได้ "จุดหมาย" เหมือนๆกันเป็นหลัก
(2) แต่วิธีการไปสู่ผลลัพท์ที่เหมือนๆกัน ตามทีนิติราษฎร์ เสนอมาเป็นทางเลือกนี้ ผมมองยังไงก็คิดว่า ยุ่งยากมากกว่า
(ขอเพิ่มจากที่เขียนไปนิด เรื่อง แก้ รธน. ผมไม่คิดว่า ณ จุดนี้ ที่กำลังมีการร่าง รธน.ใหม่ การเสนอให้เพิ่มหมวดสำคัญแบบนี้ เข้าไปใน รธน.เดิม มันจะเวิร์ค คือ คนจะเห็นความจำเป็นกัน)
(3) ทีสำคัญ ผมก็มองไม่ออกจริงๆว่า ถ้าใช้วิธีการแบบที่ผมเสนอ จะมีข้อเสียหรือปัญหาอย่างไร ถ้ามองจากจุดยืนข้อเสนอของนิติราษฎร์ (ย้ำ "ถ้ามองจากจุดยืนข้อเสนอของนิติราษฎร์")
คือ ยกเว้นแต่ว่า นิติราษฎร์ หรือใครทีเห็นด้วย กับข้อเสนอนิติรษฎร์ จะสามารถแสดงให้เห็นว่า
(ก) ถ้าทำแบบทีผมเสนอ คือ พรบ.นิรโทษกรรม คนธรรมดา จะมีปัญหาเชิงหลักการ
(ข) มีแต่วิธีทีนิติราษฎร์ เสนอ จึงจะหลีกเลี่ยงปัญหาเชิงหลักการนั้นๆได้
ผมก็มองไม่ออกจริงๆว่า ทำไม ไมใช้วิธีที่ "ง่าย" กว่า "ตรง" (straightforward) มากกว่า? (คือ เสนอ พรบ.นิรโทษกรรม คนธรรมดา แทนทีจะ เสนอเรื่อง แก้ รธน.)
............
ปล. อันนี้ สำหรับคนสนใจวิชาการโดยเฉพาะเชิงปรัชญานะครับ
ผมนึกกึ่งเล่น กึ่งซีเรียสว่า วิธีคิดของผม ในเรือ่งนี้ อาจจะเรียกว่า Occam's razor in practical philosophy ก็ได้มั้ง (ฮาๆ)
ท่านที่ยังไม่ทราบว่า Occam's razor คืออะไร และสนใจอยากทราบ - ลองดูใน Wikipedia เอาก็ได้
No comments:
Post a Comment