82 ปีคณะราษฎร / โดย สุธาชัย ยิ้มประเสิรฐ
คอลัมน์ : ถนนประชาธิปไตย
ผู้เขียน : สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ
ในที่สุดก็ถึงโอกาสครบรอบ 82 ปีประชาธิปไตยไทยในบรรยากาศที่เหลือเชื่อ จนผู้ก่อการคณะราษฎรไม่มีทางที่จะสร้างจินตนาการล่วงหน้าได้ว่าประชาธิปไตยจะมีการพัฒนาลดเลี้ยวอย่างนี้ ในโอกาสนี้จึงอยากเล่าทบทวนถึงคณะราษฎร ซึ่งเป็นกองหน้าที่นำประชาธิปไตยมาสู่สังคมไทย แม้จะถูกฝ่ายขุนศึกและพวกอนุรักษ์นิยมสลิ่มทำลายเสียมากมายก็ตาม
คณะราษฎรเริ่มต้นโดยนักเรียนไทยในปารีส 2 คนคือ นายปรีดี พนมยงค์ นักเรียนกฎหมายกระทรวงยุติธรรม และนายประยูร ภมรมนตรี นักเรียนทุนส่วนตัวที่ไปเรียนวิชารัฐศาสตร์ ทั้งสองได้แลกเปลี่ยนกันเรื่องปัญหาการเมืองของประเทศสยามเสมอ วันหนึ่งในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2467 ทั้งสองไปกินอาหารที่ร้านอังรีมาร์แตง นายประยูรได้ชักชวนนายปรีดีว่า “เราพูดเรื่องการเมืองมามากแล้ว สมควรจะลงมือเสียที”
นายปรีดีก็ตอบตกลง แต่ต่อมาอีก 2-3 วัน นายปรีดีเกิดความไม่แน่ใจ เพราะนายประยูรเป็นนายทหารมหาดเล็กของรัชกาลที่ 6 มาก่อน อาจเป็นสายลับมาลวงล่อ จึงถามนายประยูรว่า ที่คุยกันไว้จะเอาจริงหรือ นายประยูรก็ยืนยัน เพราะเห็นว่าบ้านเมืองควรจะเปลี่ยนแปลงเป็นระบอบรัฐธรรมนูญเช่นอารยประเทศ และถือเป็นการแบ่งเบาภาระของพระมหากษัตริย์
คนที่ 3 ที่ได้รับการชักชวนเข้าร่วมคือ ร.ท.แปลก ขีตตะสังคะ นายทหารปืนใหญ่ที่มาศึกษาวิชาทหารปืนใหญ่เพิ่มเติมที่ฝรั่งเศส จากนั้นชักชวนกันจนได้สมาชิก 7 คนแรก จึงมีการเปิดประชุมที่บ้านของนายประยูร เลขที่ 5 ถนนซอมแมราด (Rue de Sommerad) ในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2469 (ตามปฏิทินเก่า ซึ่งขึ้นปีใหม่วันที่ 1 เมษายน) คนอื่นที่ร่วมประชุมอีก 4 คน ได้แก่ หลวงศิริราชไมตรี (จรูญ สิงหเสนี) ร.ต.ทัศนัย มิตรภักดี นายตั้ว ลพานุกรม และนายแนบ พหลโยธิน ได้มีการกำหนดชื่อเรียกคณะก่อการนี้ว่า “คณะราษฎร” กำหนดให้เป็นการเปลี่ยนแปลงเป็นระบอบกษัตริย์ใต้รัฐธรรมนูญแบบอังกฤษ
เหตุผลอย่างหนึ่งที่นำมาสู่การคิดเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองมาจากความรู้สึกชาตินิยมแบบชนชั้นกลางที่เริ่มก่อตัวขึ้นในภาวะที่มหาอำนาจจักรวรรดินิยมที่เคยครอบโลกในระยะก่อนหน้านี้เสื่อมอิทธิพลลงเพราะสงครามโลกครั้งแรก ปัญญาชนในดินแดนอาณานิคมและกึ่งอาณานิคมเช่นประเทศสยามได้เห็นความเพลี่ยงพล้ำของกองทัพอังกฤษและฝรั่งเศสต่อกองทัพเยอรมัน เห็นการล่มสลายของจักรวรรดิรัสเซีย เห็นการเติบโตของมหาอำนาจใหม่เช่นสหรัฐอเมริกา และมหาอำนาจเอเชียเช่นญี่ปุ่น
ภายใต้สถานการณ์อันเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ จึงเห็นกันว่าระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์เป็นเรื่องล้าหลัง ไม่อาจแก้ปัญหาบ้านเมืองได้ และเมื่อเห็นประเทศประชาธิปไตยที่ก้าวหน้าเช่นสวิตเซอร์แลนด์ จึงนำมาสู่แนวคิดที่จะต้องเปลี่ยนแปลงประเทศสยามให้ก้าวหน้ามากขึ้น
จากนั้นคณะราษฎรได้ชักชวนนักเรียนนอกอีกหลายคนมาเข้าร่วม เช่น ร.ท.สินธุ์ กมลนาวิน ทวี บุณยเกตุ ประจวบ บุนนาค บรรจง ศรีจรูญ ม.ล.กรี เดชาติวงศ์ เป็นต้น ต่อมาเมื่อคนเหล่านี้กลับมาประเทศไทยก็ได้ชวนเพื่อนฝูงจำนวนหนึ่งเข้าร่วมขบวนการ เช่น ร.ท.แปลก ซึ่งได้เลื่อนเป็นหลวงพิบูลสงคราม ก็ได้ชวนหลวงอดุลเดชจรัส (บัตร พึ่งพระคุณ) หลวงอำนวยสงคราม (ถม เกษะโกมล) และหลวงพรหมโยธี (มังกร พรหมโยธี) ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมรุ่น เข้าร่วมในคณะราษฎร
ส่วน ร.ท.สินธุ์ ซึ่งเลื่อนเป็นหลวงสินธุสงครามชัย ก็ได้ชักชวน ร.อ.สงวน รุจิราภา หลวงนาวาวิจิตร(ผัน อำไพวัลย์) หลวงศุภชลาศัย (บุง ศุภชลาศัย) และหลวงสังวรยุทธกิจ (สังวร สุวรรณชีพ) เป็นต้น การขยายสมาชิกของคณะราษฎรเป็นไปได้ช้า ต้องเริ่มจากผู้ที่ร่วมความคิดและไว้ใจกันได้ เพราะเป็นเรื่องเสี่ยงอันตรายมาก ถ้าหากข่าวรั่วไหลอาจจะถูกลงโทษขั้นกบฏ ซึ่งรุนแรงมาก
จนถึง พ.ศ. 2474 คณะราษฎรก็ยังไม่เห็นแนวโน้มที่จะสามารถยึดอำนาจเปลี่ยนแปลงการปกครองได้ จนกระทั่งนายประยูรสามารถชักชวนนายทหารชั้นผู้ใหญ่ 4 คนเข้าร่วมคือ พ.อ.พระยาพหลพลพยุหเสนา (พจน์ พหลโยธิน) พ.อ.พระยาทรงสุรเดช (เทพ พันธุมเสน) พ.อ.พระยาฤทธิอัคเนย์ (สละ เอมะศิริ) และ พ.ท.พระประศาสน์พิทยายุทธ (วัน ชูถิ่น)
ที่น่าสังเกตคือ พระยาพหลฯ พระยาทรงสุรเดช และพระประศาสน์ฯ ก็เป็นนักเรียนนอก เรียนวิชาทหารจากเยอรมันตั้งแต่ช่วงก่อนสงครามโลก เมื่อชักชวนกันได้เช่นนี้จึงเสนอให้พระยาพหลฯเป็นหัวหน้าคณะราษฎร พระยาทรงสุรเดชเป็นรองหัวหน้า แต่ก็เป็นบุคคลที่สำคัญ เพราะเป็นผู้วางแผนการยึดอำนาจ
เนื่องจากคณะราษฎรต้องอาศัยการดำเนินงานแบบองค์กรลับ ไม่สามารถชักชวนทหารจำนวนมากหรือระดมมวลชนเข้าร่วมสนับสนุน ต้องอาศัยกำลังที่มีจำนวนน้อยไปก่อการ พระยาทรงสุรเดชจึงวางแผนลวงให้ทหารมาประชุมกันแล้วใช้กำลังทหารนั้นยึดอำนาจ ที่ประชุมคณะราษฎรได้เลือกวันที่ 24 มิถุนายน เป็นวันลงมือก่อการ เพราะพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯไม่ได้ประทับอยู่ในพระนคร แต่ไปประทับที่พระราชวังไกลกังวล ซึ่งเป็นการลดการต้านทานจากทหารรักษาพระองค์
เช้าวันศุกร์ที่ 24 มิถุนายน นายทหารฝ่ายคณะราษฎรได้ลวงกองทหารส่วนใหญ่ในพระนครมาชุมนุมที่ลานพระบรมรูปทรงม้า อ้างให้มาดูการซ้อมรบตามยุทธวิธีใหม่ โดยมีฝ่ายทหารเรือและนักเรียนนายร้อยล้อมอยู่ด้านนอก ได้กำหนดรหัสติดต่อระหว่างผู้ก่อการคือ ถ้าถามว่า “ดาว” ให้ตอบว่า “หาง” หมายถึงเป็นฝ่ายเดียวกัน สำหรับฝ่ายพลเรือนให้ดำเนินการตัดโทรศัพท์เพื่อควบคุมการติดต่อภายในพระนคร และให้ไปลาดตระเวนจับตาตามบ้านของเจ้านายและนายทหารคนสำคัญ
เวลาหลัง 6 โมงเช้า เมื่อกองทหารส่วนใหญ่มาประชุมกันพร้อมแล้ว พระยาทรงสุรเดชก็เข้าควบคุมการบัญชาการทหาร และให้พระยาพหลฯออกไปยืนหน้าทหารแล้วอ่านคำแถลงการณ์ยึดอำนาจ เมื่ออ่านเสร็จก็ให้ทหารทั้งหมดเปล่งเสียงไชโยพร้อมกัน จากนั้นคณะทหารก็เข้ายึดพระที่นั่งอนันตสมาคมเป็นกองบัญชาการ แล้วจัดกำลังไปควบคุมบุคคลสำคัญมาไว้ที่พระที่นั่งอนันตสมาคม การยึดอำนาจในพระนครเสร็จเรียบร้อยในวันนั้น
เวลาเย็นวันที่ 24 มิถุนายน คณะราษฎรได้มอบหมายให้ น.ต.หลวงศุภชลาศัยนำเรือหลวงสุโขทัยไปยื่นคำขาดต่อพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯที่พระราชวังไกลกังวล หลวงศุภชลาศัยนำเรือไปถึงหัวหินเวลาค่ำ จึงตัดสินใจนำคำขาดของคณะราษฎรไปยื่นในวันรุ่งขึ้น เมื่อพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯได้รับหนังสือของคณะราษฎรที่ทูลเชิญพระองค์ให้เป็นกษัตริย์ “ใต้” รัฐธรรมนูญ พระองค์ก็ตัดสินใจตอบรับที่จะเป็นพระมหากษัตริย์ “ตาม” รัฐธรรมนูญ
การเปลี่ยนแปลงการปกครองจึงลุล่วงไปได้ ถือเป็นจุดสิ้นสุดของสมบูรณาญาสิทธิราชย์สยาม และเป็นจุดเริ่มต้นของยุคประชาธิปไตย ถ้ามองด้วยกรอบของชาตินิยม 24 มิถุนายน ก็คือจุดเปลี่ยนจาก “สยามระบอบเก่า” มาเป็น “ไทยระบอบใหม่”
ต่อมาเมื่อ พ.ศ. 2482 วันที่ 24 มิถุนายน ได้รับการประกาศให้เป็นวันชาติของประเทศไทย และมีการแต่งเพลงสำหรับวันชาติที่ขึ้นต้นว่า
“ยี่สิบสี่มิถุนา ยนมหาศรีสวัสดิ์
ปฐมฤกษ์ของรัฐ ธรรมนูญของไทย
เริ่มระบอบแบบอา รยประชาธิปไตย
เพื่อราษฎรไทย ได้สิทธิเสรี
สำราญสำเริง บันเทิงเต็มที่
เพราะชาติเรามี เอกราชสมบูร
คอลัมน์ : ถนนประชาธิปไตย
ผู้เขียน : สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ
ในที่สุดก็ถึงโอกาสครบรอบ 82 ปีประชาธิปไตยไทยในบรรยากาศที่เหลือเชื่อ จนผู้ก่อการคณะราษฎรไม่มีทางที่จะสร้างจินตนาการล่วงหน้าได้ว่าประชาธิปไตยจะมีการพัฒนาลดเลี้ยวอย่างนี้ ในโอกาสนี้จึงอยากเล่าทบทวนถึงคณะราษฎร ซึ่งเป็นกองหน้าที่นำประชาธิปไตยมาสู่สังคมไทย แม้จะถูกฝ่ายขุนศึกและพวกอนุรักษ์นิยมสลิ่มทำลายเสียมากมายก็ตาม
คณะราษฎรเริ่มต้นโดยนักเรียนไทยในปารีส 2 คนคือ นายปรีดี พนมยงค์ นักเรียนกฎหมายกระทรวงยุติธรรม และนายประยูร ภมรมนตรี นักเรียนทุนส่วนตัวที่ไปเรียนวิชารัฐศาสตร์ ทั้งสองได้แลกเปลี่ยนกันเรื่องปัญหาการเมืองของประเทศสยามเสมอ วันหนึ่งในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2467 ทั้งสองไปกินอาหารที่ร้านอังรีมาร์แตง นายประยูรได้ชักชวนนายปรีดีว่า “เราพูดเรื่องการเมืองมามากแล้ว สมควรจะลงมือเสียที”
นายปรีดีก็ตอบตกลง แต่ต่อมาอีก 2-3 วัน นายปรีดีเกิดความไม่แน่ใจ เพราะนายประยูรเป็นนายทหารมหาดเล็กของรัชกาลที่ 6 มาก่อน อาจเป็นสายลับมาลวงล่อ จึงถามนายประยูรว่า ที่คุยกันไว้จะเอาจริงหรือ นายประยูรก็ยืนยัน เพราะเห็นว่าบ้านเมืองควรจะเปลี่ยนแปลงเป็นระบอบรัฐธรรมนูญเช่นอารยประเทศ และถือเป็นการแบ่งเบาภาระของพระมหากษัตริย์
คนที่ 3 ที่ได้รับการชักชวนเข้าร่วมคือ ร.ท.แปลก ขีตตะสังคะ นายทหารปืนใหญ่ที่มาศึกษาวิชาทหารปืนใหญ่เพิ่มเติมที่ฝรั่งเศส จากนั้นชักชวนกันจนได้สมาชิก 7 คนแรก จึงมีการเปิดประชุมที่บ้านของนายประยูร เลขที่ 5 ถนนซอมแมราด (Rue de Sommerad) ในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2469 (ตามปฏิทินเก่า ซึ่งขึ้นปีใหม่วันที่ 1 เมษายน) คนอื่นที่ร่วมประชุมอีก 4 คน ได้แก่ หลวงศิริราชไมตรี (จรูญ สิงหเสนี) ร.ต.ทัศนัย มิตรภักดี นายตั้ว ลพานุกรม และนายแนบ พหลโยธิน ได้มีการกำหนดชื่อเรียกคณะก่อการนี้ว่า “คณะราษฎร” กำหนดให้เป็นการเปลี่ยนแปลงเป็นระบอบกษัตริย์ใต้รัฐธรรมนูญแบบอังกฤษ
เหตุผลอย่างหนึ่งที่นำมาสู่การคิดเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองมาจากความรู้สึกชาตินิยมแบบชนชั้นกลางที่เริ่มก่อตัวขึ้นในภาวะที่มหาอำนาจจักรวรรดินิยมที่เคยครอบโลกในระยะก่อนหน้านี้เสื่อมอิทธิพลลงเพราะสงครามโลกครั้งแรก ปัญญาชนในดินแดนอาณานิคมและกึ่งอาณานิคมเช่นประเทศสยามได้เห็นความเพลี่ยงพล้ำของกองทัพอังกฤษและฝรั่งเศสต่อกองทัพเยอรมัน เห็นการล่มสลายของจักรวรรดิรัสเซีย เห็นการเติบโตของมหาอำนาจใหม่เช่นสหรัฐอเมริกา และมหาอำนาจเอเชียเช่นญี่ปุ่น
ภายใต้สถานการณ์อันเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ จึงเห็นกันว่าระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์เป็นเรื่องล้าหลัง ไม่อาจแก้ปัญหาบ้านเมืองได้ และเมื่อเห็นประเทศประชาธิปไตยที่ก้าวหน้าเช่นสวิตเซอร์แลนด์ จึงนำมาสู่แนวคิดที่จะต้องเปลี่ยนแปลงประเทศสยามให้ก้าวหน้ามากขึ้น
จากนั้นคณะราษฎรได้ชักชวนนักเรียนนอกอีกหลายคนมาเข้าร่วม เช่น ร.ท.สินธุ์ กมลนาวิน ทวี บุณยเกตุ ประจวบ บุนนาค บรรจง ศรีจรูญ ม.ล.กรี เดชาติวงศ์ เป็นต้น ต่อมาเมื่อคนเหล่านี้กลับมาประเทศไทยก็ได้ชวนเพื่อนฝูงจำนวนหนึ่งเข้าร่วมขบวนการ เช่น ร.ท.แปลก ซึ่งได้เลื่อนเป็นหลวงพิบูลสงคราม ก็ได้ชวนหลวงอดุลเดชจรัส (บัตร พึ่งพระคุณ) หลวงอำนวยสงคราม (ถม เกษะโกมล) และหลวงพรหมโยธี (มังกร พรหมโยธี) ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมรุ่น เข้าร่วมในคณะราษฎร
ส่วน ร.ท.สินธุ์ ซึ่งเลื่อนเป็นหลวงสินธุสงครามชัย ก็ได้ชักชวน ร.อ.สงวน รุจิราภา หลวงนาวาวิจิตร(ผัน อำไพวัลย์) หลวงศุภชลาศัย (บุง ศุภชลาศัย) และหลวงสังวรยุทธกิจ (สังวร สุวรรณชีพ) เป็นต้น การขยายสมาชิกของคณะราษฎรเป็นไปได้ช้า ต้องเริ่มจากผู้ที่ร่วมความคิดและไว้ใจกันได้ เพราะเป็นเรื่องเสี่ยงอันตรายมาก ถ้าหากข่าวรั่วไหลอาจจะถูกลงโทษขั้นกบฏ ซึ่งรุนแรงมาก
จนถึง พ.ศ. 2474 คณะราษฎรก็ยังไม่เห็นแนวโน้มที่จะสามารถยึดอำนาจเปลี่ยนแปลงการปกครองได้ จนกระทั่งนายประยูรสามารถชักชวนนายทหารชั้นผู้ใหญ่ 4 คนเข้าร่วมคือ พ.อ.พระยาพหลพลพยุหเสนา (พจน์ พหลโยธิน) พ.อ.พระยาทรงสุรเดช (เทพ พันธุมเสน) พ.อ.พระยาฤทธิอัคเนย์ (สละ เอมะศิริ) และ พ.ท.พระประศาสน์พิทยายุทธ (วัน ชูถิ่น)
ที่น่าสังเกตคือ พระยาพหลฯ พระยาทรงสุรเดช และพระประศาสน์ฯ ก็เป็นนักเรียนนอก เรียนวิชาทหารจากเยอรมันตั้งแต่ช่วงก่อนสงครามโลก เมื่อชักชวนกันได้เช่นนี้จึงเสนอให้พระยาพหลฯเป็นหัวหน้าคณะราษฎร พระยาทรงสุรเดชเป็นรองหัวหน้า แต่ก็เป็นบุคคลที่สำคัญ เพราะเป็นผู้วางแผนการยึดอำนาจ
เนื่องจากคณะราษฎรต้องอาศัยการดำเนินงานแบบองค์กรลับ ไม่สามารถชักชวนทหารจำนวนมากหรือระดมมวลชนเข้าร่วมสนับสนุน ต้องอาศัยกำลังที่มีจำนวนน้อยไปก่อการ พระยาทรงสุรเดชจึงวางแผนลวงให้ทหารมาประชุมกันแล้วใช้กำลังทหารนั้นยึดอำนาจ ที่ประชุมคณะราษฎรได้เลือกวันที่ 24 มิถุนายน เป็นวันลงมือก่อการ เพราะพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯไม่ได้ประทับอยู่ในพระนคร แต่ไปประทับที่พระราชวังไกลกังวล ซึ่งเป็นการลดการต้านทานจากทหารรักษาพระองค์
เช้าวันศุกร์ที่ 24 มิถุนายน นายทหารฝ่ายคณะราษฎรได้ลวงกองทหารส่วนใหญ่ในพระนครมาชุมนุมที่ลานพระบรมรูปทรงม้า อ้างให้มาดูการซ้อมรบตามยุทธวิธีใหม่ โดยมีฝ่ายทหารเรือและนักเรียนนายร้อยล้อมอยู่ด้านนอก ได้กำหนดรหัสติดต่อระหว่างผู้ก่อการคือ ถ้าถามว่า “ดาว” ให้ตอบว่า “หาง” หมายถึงเป็นฝ่ายเดียวกัน สำหรับฝ่ายพลเรือนให้ดำเนินการตัดโทรศัพท์เพื่อควบคุมการติดต่อภายในพระนคร และให้ไปลาดตระเวนจับตาตามบ้านของเจ้านายและนายทหารคนสำคัญ
เวลาหลัง 6 โมงเช้า เมื่อกองทหารส่วนใหญ่มาประชุมกันพร้อมแล้ว พระยาทรงสุรเดชก็เข้าควบคุมการบัญชาการทหาร และให้พระยาพหลฯออกไปยืนหน้าทหารแล้วอ่านคำแถลงการณ์ยึดอำนาจ เมื่ออ่านเสร็จก็ให้ทหารทั้งหมดเปล่งเสียงไชโยพร้อมกัน จากนั้นคณะทหารก็เข้ายึดพระที่นั่งอนันตสมาคมเป็นกองบัญชาการ แล้วจัดกำลังไปควบคุมบุคคลสำคัญมาไว้ที่พระที่นั่งอนันตสมาคม การยึดอำนาจในพระนครเสร็จเรียบร้อยในวันนั้น
เวลาเย็นวันที่ 24 มิถุนายน คณะราษฎรได้มอบหมายให้ น.ต.หลวงศุภชลาศัยนำเรือหลวงสุโขทัยไปยื่นคำขาดต่อพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯที่พระราชวังไกลกังวล หลวงศุภชลาศัยนำเรือไปถึงหัวหินเวลาค่ำ จึงตัดสินใจนำคำขาดของคณะราษฎรไปยื่นในวันรุ่งขึ้น เมื่อพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯได้รับหนังสือของคณะราษฎรที่ทูลเชิญพระองค์ให้เป็นกษัตริย์ “ใต้” รัฐธรรมนูญ พระองค์ก็ตัดสินใจตอบรับที่จะเป็นพระมหากษัตริย์ “ตาม” รัฐธรรมนูญ
การเปลี่ยนแปลงการปกครองจึงลุล่วงไปได้ ถือเป็นจุดสิ้นสุดของสมบูรณาญาสิทธิราชย์สยาม และเป็นจุดเริ่มต้นของยุคประชาธิปไตย ถ้ามองด้วยกรอบของชาตินิยม 24 มิถุนายน ก็คือจุดเปลี่ยนจาก “สยามระบอบเก่า” มาเป็น “ไทยระบอบใหม่”
ต่อมาเมื่อ พ.ศ. 2482 วันที่ 24 มิถุนายน ได้รับการประกาศให้เป็นวันชาติของประเทศไทย และมีการแต่งเพลงสำหรับวันชาติที่ขึ้นต้นว่า
“ยี่สิบสี่มิถุนา ยนมหาศรีสวัสดิ์
ปฐมฤกษ์ของรัฐ ธรรมนูญของไทย
เริ่มระบอบแบบอา รยประชาธิปไตย
เพื่อราษฎรไทย ได้สิทธิเสรี
สำราญสำเริง บันเทิงเต็มที่
เพราะชาติเรามี เอกราชสมบูร
1
Human rights on the opposite team, did we expect different? Yes we most certainly did. On the world stage Thailand has sunk to what is an unimaginable level and then what happens? Nobody gave a fuck. Wake up world. Fuck listening to Brad Adams or anyone else at HRW, suspend their funding, they are doing absolutely nothing.
Mai pen rai. If the world does not care all a Thai can be is very worried.
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=10152507971331622&set=a.10150233233556622.321763.719216621
KP140624
1
ตระกูลตอแหลดัดจริตย้อนแย้งแห่งปี ยกให้เขาเรย
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=671257702929038&set=a.165445933510220.48568.100001344435693
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=671257702929038&set=a.165445933510220.48568.100001344435693
1
วันที่ 24 มิถุนายน ไม่ค่อยนึกถึงใคร ประชาธิปไตยก็ยังมาไม่ถึง
ถ้าจะให้นึกถึง ก็นึกถึง หนึ่งในสี่ทหารเสือแห่งผู้ก่อการคือพระยาทรงสุรเดช
ชีวิตของพระยาทรงสุรเดช นั้นพลิกผันมาก บั้นปลายถูกอัปเปหิ ออกจากประเทศไทยหลังกบฎบวรเดช มาทำขนมกล้วยขายอยู่ที่พนมเปญ และเสียชีวิตอย่างกระทันหันหลังมีทหารหนุ่มคนหนึ่งมาเยี่ยม จึงเชื่อกันว่าถูกวางยาพิษ
วันนี้จะไปเยี่ยมบ้านพระยาทรงสุรเดชในพนมเปญเอาฤกษ์เอาชัยไว้สู้เผด็จการหน่อย
จากวิกิพีเดีย-พระยาทรงสุรเดชพร้อมนายทหารคนสนิทเมื่อถูกกล่าวหาว่าเป็นกบฏ จึงถูกให้ออกจากราชการโดยไม่มีเบี้ยหวัดและถูกบีบให้เดินทางออกนอกประเทศ ไปพร้อมกับ ร้อยเอกสำรวจ กาญจนสิทธิ์ นายทหารคนสนิท โดยถูกควบคุมตัวขึ้นรถไฟไปที่ อำเภออรัญประเทศ และเดินทางข้ามพรมแดนต่อไปยังกัมพูชาซึ่งในขณะนั้นเป็นดินแดนในอาณานิคมของประเทศฝรั่งเศส หลังจากที่ลี้ภัยอยู่ที่กัมพูชาได้ไม่นาน ทางการกัมพูชาก็ไม่อนุญาตให้อยู่ จึงต้องเดินทางไปพำนักอยู่ที่เมืองไซ่ง่อน โดยมีภริยาติดตามไปด้วย จากนั้นจึงได้รับอนุญาตให้กลับมาที่พนมเปญอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งในระหว่างที่ยังพำนักอยู่ที่เมืองไซง่อน พระยาทรงสุรเดชได้เขียนบันทึกไว้เล่มหนึ่ง ในปี พ.ศ. 2482 เกี่ยวกับเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงการปกครองทั้งหมด ตลอดจนความล้มเหลวของผลในการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ซึ่งบันทึกเล่มนี้ต่อมาได้ถูกตีพิมพ์เป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2513 ในชื่อ "บันทึกพระยาทรงสุรเดช"
ชีวิตพระยาทรงสุรเดชที่กัมพูชา ไม่มีทรัพย์เงินทองเหลือติดตัวอยู่เลย ต้องหาเลี้ยงชีพด้วยการทำขนมกล้วยขายพร้อมกับภริยา ซึ่งต้องลงมือโม่แป้งด้วยตนเอง รวมทั้งรับจ้างซ่อมจักรยาน และท้ายสุดก็ถึงแก่อนิจกรรมลงในวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2487 ที่ตำหนักร้างในกรุงพนมเปญ ด้วยวัยเพียง 52 ปี ซึ่งแพทย์ลงความเห็นว่าเสียชีวิตด้วยอาการโลหิตเป็นพิษ ทั้งที่เป็นบุคคลที่มีสุขภาพดีมาโดยตลอด จึงมีข้อสงสัยกันว่าอาจถูกลอบวางยาพิษ
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=10204300293698073&set=a.2461173579292.2141141.1550786099
ถ้าจะให้นึกถึง ก็นึกถึง หนึ่งในสี่ทหารเสือแห่งผู้ก่อการคือพระยาทรงสุรเดช
ชีวิตของพระยาทรงสุรเดช นั้นพลิกผันมาก บั้นปลายถูกอัปเปหิ ออกจากประเทศไทยหลังกบฎบวรเดช มาทำขนมกล้วยขายอยู่ที่พนมเปญ และเสียชีวิตอย่างกระทันหันหลังมีทหารหนุ่มคนหนึ่งมาเยี่ยม จึงเชื่อกันว่าถูกวางยาพิษ
วันนี้จะไปเยี่ยมบ้านพระยาทรงสุรเดชในพนมเปญเอาฤกษ์เอาชัยไว้สู้เผด็จการหน่อย
จากวิกิพีเดีย-พระยาทรงสุรเดชพร้อมนายทหารคนสนิทเมื่อถูกกล่าวหาว่าเป็นกบฏ จึงถูกให้ออกจากราชการโดยไม่มีเบี้ยหวัดและถูกบีบให้เดินทางออกนอกประเทศ ไปพร้อมกับ ร้อยเอกสำรวจ กาญจนสิทธิ์ นายทหารคนสนิท โดยถูกควบคุมตัวขึ้นรถไฟไปที่ อำเภออรัญประเทศ และเดินทางข้ามพรมแดนต่อไปยังกัมพูชาซึ่งในขณะนั้นเป็นดินแดนในอาณานิคมของประเทศฝรั่งเศส หลังจากที่ลี้ภัยอยู่ที่กัมพูชาได้ไม่นาน ทางการกัมพูชาก็ไม่อนุญาตให้อยู่ จึงต้องเดินทางไปพำนักอยู่ที่เมืองไซ่ง่อน โดยมีภริยาติดตามไปด้วย จากนั้นจึงได้รับอนุญาตให้กลับมาที่พนมเปญอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งในระหว่างที่ยังพำนักอยู่ที่เมืองไซง่อน พระยาทรงสุรเดชได้เขียนบันทึกไว้เล่มหนึ่ง ในปี พ.ศ. 2482 เกี่ยวกับเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงการปกครองทั้งหมด ตลอดจนความล้มเหลวของผลในการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ซึ่งบันทึกเล่มนี้ต่อมาได้ถูกตีพิมพ์เป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2513 ในชื่อ "บันทึกพระยาทรงสุรเดช"
ชีวิตพระยาทรงสุรเดชที่กัมพูชา ไม่มีทรัพย์เงินทองเหลือติดตัวอยู่เลย ต้องหาเลี้ยงชีพด้วยการทำขนมกล้วยขายพร้อมกับภริยา ซึ่งต้องลงมือโม่แป้งด้วยตนเอง รวมทั้งรับจ้างซ่อมจักรยาน และท้ายสุดก็ถึงแก่อนิจกรรมลงในวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2487 ที่ตำหนักร้างในกรุงพนมเปญ ด้วยวัยเพียง 52 ปี ซึ่งแพทย์ลงความเห็นว่าเสียชีวิตด้วยอาการโลหิตเป็นพิษ ทั้งที่เป็นบุคคลที่มีสุขภาพดีมาโดยตลอด จึงมีข้อสงสัยกันว่าอาจถูกลอบวางยาพิษ
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=10204300293698073&set=a.2461173579292.2141141.1550786099
1
ขอนำเสนอผลของการติดตาม 1 เดือนหลังรัฐประหาร ว่ามีเรื่องไหนบ้างที่ คสช. โกหกประชาชนทั่วประเทศ
1. โกหกเรื่องสหรัฐให้กำลังใจพล.อ.ประยุทธ์
พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบกเผย เผย ผบ.ทบ. สหรัฐฯโทรให้กำลังใจ "พล.อ.ประยุทธ์" แสดงความเข้าใจการทำรัฐประหาร
อ้างอิง : http://bit.ly/1h217eq
แต่ความจริงคือ
สถานทูตสหรัฐอเมริกายืนยัน ไม่มีการโทรต่อสายตรงใดใดจาก ผบ.ทบ.
อ้างอิง : http://goo.gl/CdBsqk
และมีแต่ ผบ.สูงสุดของสหรัฐ แจ้งระงับความร่วมมือทางการทหารกับไทย
อ้างอิง :http://www.usatoday.com/story/news/world/2014/05/24/thailand-military-coup-pentagon/9534151/
————————————
2. โกหกเรื่องประสานโรสให้กลับประเทศไทย
คสช.เตรียมใช้สนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนดำเนินการ ส่งตัว "โรส-จักรภพ" ต้าน คสช. หมิ่นเบื้องสูง มาดำเนินคดีในไทย
อ้างอิง : http://goo.gl/N3ygVE
แต่ความจริงคือ
ทูตอังกฤษประจำประเทศไทยทวีตตอบ เป็นไปไม่ได้เพราะการส่งผู้ร้ายข้ามแดนต้องมีกฎหมายเหมือนกันทั้งสองประเทศ แต่อังกฤษไม่มีกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพหรือ 112
อ้างอิง :http://thaienews.blogspot.com/2014/06/andrew-spooner.html
————————————
3. โกหกเรื่องการอพยพของแรงงานกัมพูชา
พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบกปัดข่าวเขมรเรียกแรงงานกลับ แจงแค่ไปทำนาเพราะเป็นฤดูเก็บเกี่ยว
อ้างอิง :http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9570000067546
แต่ความจริงคือ
เป็นยืนยันจากชาวกัมพูชาที่กลับประเทศว่าถูกข่มขู่โดยทหารไทย จากบทสัมภาษณ์ในหนังสือพิมพ์พนมเปญโพสต์
อ้างอิง : https://www.facebook.com/photo.php?v=660277584065025&set=vb.646270642132386&type=2&theater
————————————
4. โกหกว่าไม่ได้สั่งปิด facebook
คสช. แจง ไม่ได้มีคำสั่งปิดเฟสบุ๊ค ระบบล่มเพราะคนเข้าเยอะ และเป็นปัญหา
ที่เกทเวย์
อ้างอิง : http://goo.gl/Kox9K0
แต่ความจริงคือ
ทอร์ ออดแลนด์ หัวหน้าฝ่ายสื่อสารของเทเลนอร์เอเชีย ซึ่งเป็นบริษัท แม่
ของดีแทค ยอมรับว่าได้รับคำสั่งจากรัฐบาลทหารให้ปิดกันการเข้าถึงเฟสบุ๊ค
ของไทย เป็นเวลา 1 ชั่วโมง
อ้างอิง : http://www.naewna.com/business/107547
————————————
5. โกหกว่าไม่มีคนถูกขังเกิน 7 วัน ทุกคนปลอดภัย
คสช.ประกาศอย่างต่อเนื่องว่าทุกคนที่ถูกควบคุมตัว จะถูกปล่อยตัวภายใน 7 วัน
แต่ความจริงคือ
แบรด อดัมส์ ผู้อำนวยการองค์การฮิวแมนไรทส์ว็อทช์ เอเชีย เปิดเผยว่า ทหารควบคุมตัว กริชสุดาตั้งแต่วันที่ 28 พฤษภาคมที่จังหวัดชลบุรี แต่กองทัพไม่ได้
ให้ข้อมูลใดๆพร้อมกับปฏิเสธถึงที่อยู่ของเธอจนกระทั่งปัจจุบัน
อ้างอิง : http://www.hrw.org/node/126516
ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ถูกควบคุมตัว 8 วัน
"อย่าคาดหวังข้อเท็จจริงรอบด้าน จากการนำเสนอข่าวที่ไร้เสรีภาพ และไม่สามารถตรวจสอบข้อเท็จจริงได้ในขณะนี้" เพราะ เป็น รบ.ทหารเผด็จการเต็มรูปแบบ ปิดหูปิดตาประชาชน ปิดกั้นเสรีภาพสื่อในการนำเสนอ
CR : Thailand Dictator Watch
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=714992761880871&set=a.115002631879890.6110.100001104605003
1. โกหกเรื่องสหรัฐให้กำลังใจพล.อ.ประยุทธ์
พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบกเผย เผย ผบ.ทบ. สหรัฐฯโทรให้กำลังใจ "พล.อ.ประยุทธ์" แสดงความเข้าใจการทำรัฐประหาร
อ้างอิง : http://bit.ly/1h217eq
แต่ความจริงคือ
สถานทูตสหรัฐอเมริกายืนยัน ไม่มีการโทรต่อสายตรงใดใดจาก ผบ.ทบ.
อ้างอิง : http://goo.gl/CdBsqk
และมีแต่ ผบ.สูงสุดของสหรัฐ แจ้งระงับความร่วมมือทางการทหารกับไทย
อ้างอิง :http://www.usatoday.com/story/news/world/2014/05/24/thailand-military-coup-pentagon/9534151/
————————————
2. โกหกเรื่องประสานโรสให้กลับประเทศไทย
คสช.เตรียมใช้สนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนดำเนินการ ส่งตัว "โรส-จักรภพ" ต้าน คสช. หมิ่นเบื้องสูง มาดำเนินคดีในไทย
อ้างอิง : http://goo.gl/N3ygVE
แต่ความจริงคือ
ทูตอังกฤษประจำประเทศไทยทวีตตอบ เป็นไปไม่ได้เพราะการส่งผู้ร้ายข้ามแดนต้องมีกฎหมายเหมือนกันทั้งสองประเทศ แต่อังกฤษไม่มีกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพหรือ 112
อ้างอิง :http://thaienews.blogspot.com/2014/06/andrew-spooner.html
————————————
3. โกหกเรื่องการอพยพของแรงงานกัมพูชา
พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบกปัดข่าวเขมรเรียกแรงงานกลับ แจงแค่ไปทำนาเพราะเป็นฤดูเก็บเกี่ยว
อ้างอิง :http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9570000067546
แต่ความจริงคือ
เป็นยืนยันจากชาวกัมพูชาที่กลับประเทศว่าถูกข่มขู่โดยทหารไทย จากบทสัมภาษณ์ในหนังสือพิมพ์พนมเปญโพสต์
อ้างอิง : https://www.facebook.com/photo.php?v=660277584065025&set=vb.646270642132386&type=2&theater
————————————
4. โกหกว่าไม่ได้สั่งปิด facebook
คสช. แจง ไม่ได้มีคำสั่งปิดเฟสบุ๊ค ระบบล่มเพราะคนเข้าเยอะ และเป็นปัญหา
ที่เกทเวย์
อ้างอิง : http://goo.gl/Kox9K0
แต่ความจริงคือ
ทอร์ ออดแลนด์ หัวหน้าฝ่ายสื่อสารของเทเลนอร์เอเชีย ซึ่งเป็นบริษัท แม่
ของดีแทค ยอมรับว่าได้รับคำสั่งจากรัฐบาลทหารให้ปิดกันการเข้าถึงเฟสบุ๊ค
ของไทย เป็นเวลา 1 ชั่วโมง
อ้างอิง : http://www.naewna.com/business/107547
————————————
5. โกหกว่าไม่มีคนถูกขังเกิน 7 วัน ทุกคนปลอดภัย
คสช.ประกาศอย่างต่อเนื่องว่าทุกคนที่ถูกควบคุมตัว จะถูกปล่อยตัวภายใน 7 วัน
แต่ความจริงคือ
แบรด อดัมส์ ผู้อำนวยการองค์การฮิวแมนไรทส์ว็อทช์ เอเชีย เปิดเผยว่า ทหารควบคุมตัว กริชสุดาตั้งแต่วันที่ 28 พฤษภาคมที่จังหวัดชลบุรี แต่กองทัพไม่ได้
ให้ข้อมูลใดๆพร้อมกับปฏิเสธถึงที่อยู่ของเธอจนกระทั่งปัจจุบัน
อ้างอิง : http://www.hrw.org/node/126516
ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ถูกควบคุมตัว 8 วัน
"อย่าคาดหวังข้อเท็จจริงรอบด้าน จากการนำเสนอข่าวที่ไร้เสรีภาพ และไม่สามารถตรวจสอบข้อเท็จจริงได้ในขณะนี้" เพราะ เป็น รบ.ทหารเผด็จการเต็มรูปแบบ ปิดหูปิดตาประชาชน ปิดกั้นเสรีภาพสื่อในการนำเสนอ
CR : Thailand Dictator Watch
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=714992761880871&set=a.115002631879890.6110.100001104605003
1
แถลงการองค์กรเสรีไทย ฉบับที่ 1
The FreeThai Declaration No.1
แถลงการณ์องค์กรเสรีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย
พี่น้องชาวไทยที่เคารพรักทุกท่าน
ขณะนี้เมืองไทยของเราได้คืนสู่ระบอบเผด็จการสุดขั้วอีกครั้งหนึ่ง ระบอบทหารที่เรียกตนเองว่า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. นําโดย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ใช้กําลังอย่างผิดกฎหมายไทยและกฎหมายสากลเข้ายึดอํานาจการปกครองแผ่นดิน จากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนอย่างอุกอาจ โดยปฏิบัติไม่ต่างจากโจรที่เข้าปล้นทรัพย์ ต่างแต่ว่าทรัพย์นี้คืออํานาจอธิปไตยและสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนในระบอบประชาธิปไตย อันเป็นทรัพย์ที่มีค่าสูงสุดของความเป็นมนุษย์ การกระทําครั้งนี้จึงถือว่าละเมิดหลักนิติรัฐ-นิติธรรม หลักประชาธิปไตย และยังทําลายย่ำยีสิทธิเสรีภาพ ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ นับเป็นอาชญากรรมอันใหญ่หลวง
การโฆษณาชวนเชื่อใดๆว่า พวกเขาต้องกระทําการนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และสัญญาใดๆว่าจะคืนความเป็นปกติสุขให้กับสังคมไทย ถือเป็นการโกหกหลอกลวงขนานใหญ่ เพื่อให้ประชาชนหลงเชื่อ เห็นผิดเป็นชอบ เห็นปิศาจอสุรกายเป็นเทวดาอารักษ์ จนท้ายที่สุดก็หวังให้เห็นว่า ระบอบเผด็จการดีกว่าระบอบประชาธิปไตย ซึ่งเป็นแนวคิดที่ผู้นําเผด็จการของโลกและของไทยพยายามปลูกฝัง แต่ประสบความล้มเหลวเรื่อยมา
ประชาชนไทยผู้ตาสว่าง ยึดมั่นในแนวทางประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชนตามหลักสากล และยอมรับในวิวัฒนาการทางสังคม จึงขอประกาศปฏิเสธอํานาจของคณะรัฐประหาร ตลอดจนผลพวงใดๆ ของการรัฐประหารในครั้งนี้โดยสิ้นเชิง ระบอบเผด็จการทหารที่ร่วมมือกับเผด็จการซ่อนรูปอื่นๆ ในเมืองไทยขณะนี้ ไม่มีความชอบธรรมใดๆ ทั้งในทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ที่จะนําพาประเทศไปสู่สันติสุขและความปรองดองได้เลย เพราะพวกเขานั่นเองที่ได้สมคบคิดและร่วมกันก่อจลาจลจนปั่นป่วนไปทั้งประเทศ และลักลอบสนับสนุนขบวนการโค่นล้มทําลายรัฐบาลที่มาจากประชาชนตั้งแต่ต้น เพื่อให้เมืองไทยอยู่ในสภาพรัฐล้มเหลว วงจรประชาธิปไตยหยุดชะงัก และใช้ผลพวงที่พวกเขาได้วางแผนกระทํามาตลอด เป็นเงื่อนไขประกาศการรัฐประหารยึดอํานาจการปกครองแผ่นดิน การกระทําของคณะทหารและเครือข่ายดังกล่าวนี้จึงถือเป็นอาชญากรรม ผู้ก่อการถือว่าเป็นคนบาปทางสังคม เพราะได้สร้างความแปดเปื้อนในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของคนไทย เราขอประณามการละเมิดสิทธิและเสรีภาพของประชาชนไทยและชาวต่างประเทศ ที่กำลังเกิดขึ้นอย่างกว้างขวาง ไร้หลักเกณฑ์ ป่าเถื่อนและรุนแรง จนเมืองไทยขณะนี้ได้กลายเป็นอาณาจักรแห่งความหวาดกลัว แม้คณะทหารจะโอนถ่ายอํานาจไปสู่หุ่นเชิดในรูปแบบใดๆ ก็ตามในอนาคต หากกลไกแห่งการทําลายความก้าวหน้าของประเทศชาติและวงจรอุบาทว์นี้ยังกดทับย่ำยีถึงขั้นอํานาจอธิปไตย ประเทศไทยจะไม่มีวันหลุดพ้นจากวงจรบาปเช่นนี้ได้เลย เราจึงต้องดําเนินการทุกอย่างเพื่อหยุดยั้งความเลวร้ายที่กําลังเกิดขึ้นในขณะนี้ เพื่อปกป้องเสรีภาพ ทวงคืนสิทธิมนุษยชน และสร้างระบอบประชาธิปไตยให้กลับมาเป็นรากฐานของสังคมไทยต่อไป
เพื่อให้เจตนารมณ์อันบริสุทธิ์ของประชาชนไทย ในอันที่จะล้มล้างสิ่งเลวร้ายข้างต้นให้เด็ดขาด เพื่อสถาปนาระบอบการปกครองที่ประชาชนเป็นเจ้าของ เป็นผู้ใช้ และเป็นผู้ได้รับประโยชน์จากอํานาจอธิปไตยอย่างสมบูรณ์ให้เป็นจริงได้ เราจึงขอปฏิเสธอํานาจเผด็จการของคณะทหารและผลพวงทั้งปวงที่จะตามมา และขอประกาศจัดตั้ง “องคก์รเสรีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย” หรือ “The Organisation of Free Thais for Human Rights and Democracy (FT-HD)” ขึ้นในเวลาย่ำรุ่งของวันอังคารที่ ๒๔ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๗ เพื่อให้องค์กรนี้รองรับแนวความคิดและปฏิบัติการทุกชนิดของผู้ที่มีความมุ่งมั่นในเจตนารมณ์ประชาธิปไตยจากทั่วทุกมุมโลกร่วมกัน โดยที่แนวความคิดและการปฏิบัติการนั้นๆ จะต้องไม่ขัดต่อหลักประชาธิปไตย หลักสิทธิมนุษยชน หลักกฎหมายสากล และไม่ใช้ความรุนแรงใดๆ
คําว่า เสรีไทย นั้น มีความหมายลึกซึ้งในสํานึกทางประวัติศาสตร์ สะท้อนภาพความจริงของสามัญชนไทยทั้งหลายที่ใฝ่เสรีภาพและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ถือเป็นชื่ออันเป็นมงคลยิ่งที่ปวงชาวไทยจากทุกมุมโลกได้ร่วมกันสานต่ออุดมการณ์ให้ประเทศชาติพ้นมหันตภัยนี้ไปให้ได้ หากเรายังมัวนิ่งเฉย ก็จะต้องประสบกับชะตากรรมอันเลวร้ายนี้ร่วมกัน
องค์กรเสรีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย มีวัตถุประสงค์เบื้องต้นในการก่อตั้ง ดังต่อไปนี้
๑. ต่อต้านระบอบเผด็จการทหารและเครือข่ายอํามาตย์ เพื่อให้อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน
๒. ฟื้นฟูและเสริมสร้างระบอบประชาธิปไตย ให้มีความถาวรและเป็นเสาหลักของรัฐไทย
๓.ให้เคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ความเสมอภาค เสรีภาพ และสันติภาพ
๔. ส่งเสริมระบบเศรษฐกิจเสรีและเป็นธรรม
๕. ปฏิรูปวัฒนธรรมไทยให้สอดรับกับระบอบประชาธิปไตย
๖. พัฒนาคุณภาพประชาชนไทยสู่ความเป็นสากล
นับแต่บัดนี้ไป ให้ถือว่าองคก์รเสรีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตยได้ถือกำเนิดขึ้นแล้ว อย่างไรก็ตาม ความสําเร็จในการต่อสู้ครั้งนี้จะบรรลุเป้าหมายได้ ก็ต่อเมื่อทุกกลุ่มทุกฝ่ายที่มีอุดมการณ์ร่วมกันต้องลุกขึ้นสู้โดยพร้อมเพรียง
ประกาศ ณ ย่ำรุ่ง วันอังคารที่ ๒๔ เดือนมิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๗
ลงชื่อ
นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ
เลขาธิการ
https://www.facebook.com/red.usa.LA/posts/639644169459888
The FreeThai Declaration No.1
แถลงการณ์องค์กรเสรีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย
พี่น้องชาวไทยที่เคารพรักทุกท่าน
ขณะนี้เมืองไทยของเราได้คืนสู่ระบอบเผด็จการสุดขั้วอีกครั้งหนึ่ง ระบอบทหารที่เรียกตนเองว่า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. นําโดย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ใช้กําลังอย่างผิดกฎหมายไทยและกฎหมายสากลเข้ายึดอํานาจการปกครองแผ่นดิน จากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนอย่างอุกอาจ โดยปฏิบัติไม่ต่างจากโจรที่เข้าปล้นทรัพย์ ต่างแต่ว่าทรัพย์นี้คืออํานาจอธิปไตยและสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนในระบอบประชาธิปไตย อันเป็นทรัพย์ที่มีค่าสูงสุดของความเป็นมนุษย์ การกระทําครั้งนี้จึงถือว่าละเมิดหลักนิติรัฐ-นิติธรรม หลักประชาธิปไตย และยังทําลายย่ำยีสิทธิเสรีภาพ ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ นับเป็นอาชญากรรมอันใหญ่หลวง
การโฆษณาชวนเชื่อใดๆว่า พวกเขาต้องกระทําการนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และสัญญาใดๆว่าจะคืนความเป็นปกติสุขให้กับสังคมไทย ถือเป็นการโกหกหลอกลวงขนานใหญ่ เพื่อให้ประชาชนหลงเชื่อ เห็นผิดเป็นชอบ เห็นปิศาจอสุรกายเป็นเทวดาอารักษ์ จนท้ายที่สุดก็หวังให้เห็นว่า ระบอบเผด็จการดีกว่าระบอบประชาธิปไตย ซึ่งเป็นแนวคิดที่ผู้นําเผด็จการของโลกและของไทยพยายามปลูกฝัง แต่ประสบความล้มเหลวเรื่อยมา
ประชาชนไทยผู้ตาสว่าง ยึดมั่นในแนวทางประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชนตามหลักสากล และยอมรับในวิวัฒนาการทางสังคม จึงขอประกาศปฏิเสธอํานาจของคณะรัฐประหาร ตลอดจนผลพวงใดๆ ของการรัฐประหารในครั้งนี้โดยสิ้นเชิง ระบอบเผด็จการทหารที่ร่วมมือกับเผด็จการซ่อนรูปอื่นๆ ในเมืองไทยขณะนี้ ไม่มีความชอบธรรมใดๆ ทั้งในทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ที่จะนําพาประเทศไปสู่สันติสุขและความปรองดองได้เลย เพราะพวกเขานั่นเองที่ได้สมคบคิดและร่วมกันก่อจลาจลจนปั่นป่วนไปทั้งประเทศ และลักลอบสนับสนุนขบวนการโค่นล้มทําลายรัฐบาลที่มาจากประชาชนตั้งแต่ต้น เพื่อให้เมืองไทยอยู่ในสภาพรัฐล้มเหลว วงจรประชาธิปไตยหยุดชะงัก และใช้ผลพวงที่พวกเขาได้วางแผนกระทํามาตลอด เป็นเงื่อนไขประกาศการรัฐประหารยึดอํานาจการปกครองแผ่นดิน การกระทําของคณะทหารและเครือข่ายดังกล่าวนี้จึงถือเป็นอาชญากรรม ผู้ก่อการถือว่าเป็นคนบาปทางสังคม เพราะได้สร้างความแปดเปื้อนในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของคนไทย เราขอประณามการละเมิดสิทธิและเสรีภาพของประชาชนไทยและชาวต่างประเทศ ที่กำลังเกิดขึ้นอย่างกว้างขวาง ไร้หลักเกณฑ์ ป่าเถื่อนและรุนแรง จนเมืองไทยขณะนี้ได้กลายเป็นอาณาจักรแห่งความหวาดกลัว แม้คณะทหารจะโอนถ่ายอํานาจไปสู่หุ่นเชิดในรูปแบบใดๆ ก็ตามในอนาคต หากกลไกแห่งการทําลายความก้าวหน้าของประเทศชาติและวงจรอุบาทว์นี้ยังกดทับย่ำยีถึงขั้นอํานาจอธิปไตย ประเทศไทยจะไม่มีวันหลุดพ้นจากวงจรบาปเช่นนี้ได้เลย เราจึงต้องดําเนินการทุกอย่างเพื่อหยุดยั้งความเลวร้ายที่กําลังเกิดขึ้นในขณะนี้ เพื่อปกป้องเสรีภาพ ทวงคืนสิทธิมนุษยชน และสร้างระบอบประชาธิปไตยให้กลับมาเป็นรากฐานของสังคมไทยต่อไป
เพื่อให้เจตนารมณ์อันบริสุทธิ์ของประชาชนไทย ในอันที่จะล้มล้างสิ่งเลวร้ายข้างต้นให้เด็ดขาด เพื่อสถาปนาระบอบการปกครองที่ประชาชนเป็นเจ้าของ เป็นผู้ใช้ และเป็นผู้ได้รับประโยชน์จากอํานาจอธิปไตยอย่างสมบูรณ์ให้เป็นจริงได้ เราจึงขอปฏิเสธอํานาจเผด็จการของคณะทหารและผลพวงทั้งปวงที่จะตามมา และขอประกาศจัดตั้ง “องคก์รเสรีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย” หรือ “The Organisation of Free Thais for Human Rights and Democracy (FT-HD)” ขึ้นในเวลาย่ำรุ่งของวันอังคารที่ ๒๔ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๗ เพื่อให้องค์กรนี้รองรับแนวความคิดและปฏิบัติการทุกชนิดของผู้ที่มีความมุ่งมั่นในเจตนารมณ์ประชาธิปไตยจากทั่วทุกมุมโลกร่วมกัน โดยที่แนวความคิดและการปฏิบัติการนั้นๆ จะต้องไม่ขัดต่อหลักประชาธิปไตย หลักสิทธิมนุษยชน หลักกฎหมายสากล และไม่ใช้ความรุนแรงใดๆ
คําว่า เสรีไทย นั้น มีความหมายลึกซึ้งในสํานึกทางประวัติศาสตร์ สะท้อนภาพความจริงของสามัญชนไทยทั้งหลายที่ใฝ่เสรีภาพและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ถือเป็นชื่ออันเป็นมงคลยิ่งที่ปวงชาวไทยจากทุกมุมโลกได้ร่วมกันสานต่ออุดมการณ์ให้ประเทศชาติพ้นมหันตภัยนี้ไปให้ได้ หากเรายังมัวนิ่งเฉย ก็จะต้องประสบกับชะตากรรมอันเลวร้ายนี้ร่วมกัน
องค์กรเสรีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย มีวัตถุประสงค์เบื้องต้นในการก่อตั้ง ดังต่อไปนี้
๑. ต่อต้านระบอบเผด็จการทหารและเครือข่ายอํามาตย์ เพื่อให้อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน
๒. ฟื้นฟูและเสริมสร้างระบอบประชาธิปไตย ให้มีความถาวรและเป็นเสาหลักของรัฐไทย
๓.ให้เคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ความเสมอภาค เสรีภาพ และสันติภาพ
๔. ส่งเสริมระบบเศรษฐกิจเสรีและเป็นธรรม
๕. ปฏิรูปวัฒนธรรมไทยให้สอดรับกับระบอบประชาธิปไตย
๖. พัฒนาคุณภาพประชาชนไทยสู่ความเป็นสากล
นับแต่บัดนี้ไป ให้ถือว่าองคก์รเสรีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตยได้ถือกำเนิดขึ้นแล้ว อย่างไรก็ตาม ความสําเร็จในการต่อสู้ครั้งนี้จะบรรลุเป้าหมายได้ ก็ต่อเมื่อทุกกลุ่มทุกฝ่ายที่มีอุดมการณ์ร่วมกันต้องลุกขึ้นสู้โดยพร้อมเพรียง
ประกาศ ณ ย่ำรุ่ง วันอังคารที่ ๒๔ เดือนมิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๗
ลงชื่อ
นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ
เลขาธิการ
https://www.facebook.com/red.usa.LA/posts/639644169459888
1
มันยกร่อง...ฟักแฟงแตงไทย
ต้องศึกชิงจ้าวบัลลังก์ทอง ผบ.ทบ.คนต่อไป..เป็นใคร..จับตาน่าลุ้น คู่ชิงจริงน่าจะมีอยู่แค่สองคน คือ พลเอกไพบูลย์ คุ้มฉายา ทหารชอบทำตัวใหญ่แต่ร่างเล็กผิดมาตรฐานชายไทย กับ พลเอกอุดมเดช สีตะบุตร นายทหารตัวสูงใหญ่ หล่อ สมาร์ท สง่าราศี ใช้ตีกินอีกฝ่ายได้ขาดลอย แต่ศึกยังไม่สงบอย่านับเอาความหล่อมาเป็นอุปสรรค เพราะคนหล่ออย่างพลเอกอุดมเดช เหมาะกับเป็นทหารวัง นุ่มนิ่มคุณภาพทางน้ำยายังห่างไกลกับพลเอกไพบูลย์หลายขุม ทั้ง เรื่องงาน เรื่องโหดยังโฉดไม่พอ ชิดซ้ายไปได้สำหรับเวลาสถานการณ์บ้านเมืองเป็นเผด็จการทหารเช่นนี้ ถ้าจะขึ้นเอาไว้ใช้งานในบุ๋น บุคลิกคงน่าจะคุ้นเคยไปในทางนั้น พลเอกไพบูลย์เลยส้มหล่น เขาคือเต็งหนึ่งในใจของพลเอกประยุทธ์ ที่จะก้าวขึ้นไปแทนที่เป็นหัวเรือหลักให้กองทัพได้ อีกทั้งยังมีสิ่งที่สำคัญกว่าความใจถึงพึ่งได้ของพลเอกไพบูลย์ คือดันไปเป็นเพื่อนร่วมรุ่นเดียวกับพลโทปรีชา จันทร์โอชา น้องชายสุดเลิฟของบิ๊กตู่ น้องคนนี้น่ะซีที่บิ๊กตู่ต้องการให้รับไม้ต่อในตำแหน่ง ผบ.ทบ.ตอนหลังจากพลเอกไพบูลย์เกษียณในปี 2559 มันเป็นความฝันอันสูงสุดของพลเอกประยุทธ์ที่พี่สอง"ตระกูลจันทร์โอชา"จะได้ก้าวขึ้นเป็น ผบ.ทบ.ให้ได้ทั้งสองคน.. มันเลยเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมา.. เพราะความต้องการของพวกทางสายวังบิ้กบราเธอร์ ต้องการให้ทหารสายวังอย่างพลเอกอุดมเดช นั่งคุมกองทัพบก เลยมีธงแจ้งมาว่าต้องเป็นหนึ่งเดียว พลเอกอุดมเดชคนเดียวเท่านั้น พลเอกเปรม พลเอกสุรยุทธ์ คนพรรคประชาธิปัตย์สายใต้ก็เฮตามกันหมด ป๋าว่าไงก็ว่างั้น แม้แต่พลเอกประวิตร วงศ์สุวรรณ เองก็ยังปันใจมาทางพลเอกอุดมเดช แต่พลเอกประยุทธ์ไปสมคบคิดกับเตรียมทหารรุ่น15 เข้าแล้ว ยืนยันว่าจะต้องดันพลเอกไพบูลย์ขึ้นเบอร์ 1 เท่านั้น ผลลัพธ์ที่บังอาจกล้าขัดขากับป๋าและสายวังที่ชุบเลี้ยงพลเอกประยุทธ์มา ป๋าเลยต้องออกแรงกวักมือเรียกใช้สุเทพให้แทงข้างหลังพลเอกประยุทธ์ไปสั่งสอนซะหนึ่งดอกแค่เสิร์ฟๆ สอยนิ่มๆ ด้วยการเปิดโปงแบล็คเมล์เรื่องที่รวมหัวกันล้มรัฐบาลยิ่งลักษณ์ใช้เงินใครไปละเลงทำบังเกอร์ไป1400 ล้าน ดูที่ความเหนือชั้นของสายองคมนตรีที่หนังสือพิมพ์บางกอกโพสท์ โพสท์ทูเดย์ที่เกาะขาสายวังแน่นปึ้กยังกล้าออกข่าวดิสเครดิตประยุทธ์ซึ่งๆหน้า ในขณะที่สื่ออื่นๆ รวมทั้งสื่อสายทหารใบ้แดกไม่รู้ข่าวนี้เลย ก็สายวังแจ้งเตือนมาแล้วว่าต้องตั้งอุดมเดชอย่างเดียว ไม่สนไพบูลย์ถึงจะเป็นทายาทอสูรของบิ๊กตู่ก็จริง แต่ไม่ใช่สายทหารเสือราชินี ร.21 นับตั้งแต่ปฎิวัติปี 49 เป็นต้นมาพวกสายวังเป็นคนตั้งทหารเสือราชินีเป็น ผบ.ทบ.แล้วถึงสองคน พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา และ พลเอกประยุทธ์ เพราะฉะนั้นคนต่อไปอยากได้ต้องได้ สายวังตั้งกำแพงหนาหลายชั้นไว้รับพลเอกอุดมเดชกันแน่นปึ๊ก ทั้งกองหน้า กองหลัง เซ็นต์เตอร์ฮาฟ องคมนตรีลงสนามมาเล่นเองเลยหมดทั้ง 18 คน รับรองทีมบอลของประยุทธ์และน้องชายมาเจาะประตูพลเอกอุดมเดชยากมาก แม้จะได้เจ้าของสโมสรบุรีรัมย์ F.U.C.K.มาช่วยงานใต้ดิน แต่งานนี้ถ้าพลเอกประยุทธ์ยังยอมหักไม่ยอมงอกับสายวัง.. มีหวังได้เละตุ้มเป๊ะแน่.. เจออีกหลายดอก..สายข่าวทหาร ญาติวาสนา แน่นิ่ง ส่งข่าวมา
KP140624
ต้องศึกชิงจ้าวบัลลังก์ทอง ผบ.ทบ.คนต่อไป..เป็นใคร..จับตาน่าลุ้น คู่ชิงจริงน่าจะมีอยู่แค่สองคน คือ พลเอกไพบูลย์ คุ้มฉายา ทหารชอบทำตัวใหญ่แต่ร่างเล็กผิดมาตรฐานชายไทย กับ พลเอกอุดมเดช สีตะบุตร นายทหารตัวสูงใหญ่ หล่อ สมาร์ท สง่าราศี ใช้ตีกินอีกฝ่ายได้ขาดลอย แต่ศึกยังไม่สงบอย่านับเอาความหล่อมาเป็นอุปสรรค เพราะคนหล่ออย่างพลเอกอุดมเดช เหมาะกับเป็นทหารวัง นุ่มนิ่มคุณภาพทางน้ำยายังห่างไกลกับพลเอกไพบูลย์หลายขุม ทั้ง เรื่องงาน เรื่องโหดยังโฉดไม่พอ ชิดซ้ายไปได้สำหรับเวลาสถานการณ์บ้านเมืองเป็นเผด็จการทหารเช่นนี้ ถ้าจะขึ้นเอาไว้ใช้งานในบุ๋น บุคลิกคงน่าจะคุ้นเคยไปในทางนั้น พลเอกไพบูลย์เลยส้มหล่น เขาคือเต็งหนึ่งในใจของพลเอกประยุทธ์ ที่จะก้าวขึ้นไปแทนที่เป็นหัวเรือหลักให้กองทัพได้ อีกทั้งยังมีสิ่งที่สำคัญกว่าความใจถึงพึ่งได้ของพลเอกไพบูลย์ คือดันไปเป็นเพื่อนร่วมรุ่นเดียวกับพลโทปรีชา จันทร์โอชา น้องชายสุดเลิฟของบิ๊กตู่ น้องคนนี้น่ะซีที่บิ๊กตู่ต้องการให้รับไม้ต่อในตำแหน่ง ผบ.ทบ.ตอนหลังจากพลเอกไพบูลย์เกษียณในปี 2559 มันเป็นความฝันอันสูงสุดของพลเอกประยุทธ์ที่พี่สอง"ตระกูลจันทร์โอชา"จะได้ก้าวขึ้นเป็น ผบ.ทบ.ให้ได้ทั้งสองคน.. มันเลยเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมา.. เพราะความต้องการของพวกทางสายวังบิ้กบราเธอร์ ต้องการให้ทหารสายวังอย่างพลเอกอุดมเดช นั่งคุมกองทัพบก เลยมีธงแจ้งมาว่าต้องเป็นหนึ่งเดียว พลเอกอุดมเดชคนเดียวเท่านั้น พลเอกเปรม พลเอกสุรยุทธ์ คนพรรคประชาธิปัตย์สายใต้ก็เฮตามกันหมด ป๋าว่าไงก็ว่างั้น แม้แต่พลเอกประวิตร วงศ์สุวรรณ เองก็ยังปันใจมาทางพลเอกอุดมเดช แต่พลเอกประยุทธ์ไปสมคบคิดกับเตรียมทหารรุ่น15 เข้าแล้ว ยืนยันว่าจะต้องดันพลเอกไพบูลย์ขึ้นเบอร์ 1 เท่านั้น ผลลัพธ์ที่บังอาจกล้าขัดขากับป๋าและสายวังที่ชุบเลี้ยงพลเอกประยุทธ์มา ป๋าเลยต้องออกแรงกวักมือเรียกใช้สุเทพให้แทงข้างหลังพลเอกประยุทธ์ไปสั่งสอนซะหนึ่งดอกแค่เสิร์ฟๆ สอยนิ่มๆ ด้วยการเปิดโปงแบล็คเมล์เรื่องที่รวมหัวกันล้มรัฐบาลยิ่งลักษณ์ใช้เงินใครไปละเลงทำบังเกอร์ไป1400 ล้าน ดูที่ความเหนือชั้นของสายองคมนตรีที่หนังสือพิมพ์บางกอกโพสท์ โพสท์ทูเดย์ที่เกาะขาสายวังแน่นปึ้กยังกล้าออกข่าวดิสเครดิตประยุทธ์ซึ่งๆหน้า ในขณะที่สื่ออื่นๆ รวมทั้งสื่อสายทหารใบ้แดกไม่รู้ข่าวนี้เลย ก็สายวังแจ้งเตือนมาแล้วว่าต้องตั้งอุดมเดชอย่างเดียว ไม่สนไพบูลย์ถึงจะเป็นทายาทอสูรของบิ๊กตู่ก็จริง แต่ไม่ใช่สายทหารเสือราชินี ร.21 นับตั้งแต่ปฎิวัติปี 49 เป็นต้นมาพวกสายวังเป็นคนตั้งทหารเสือราชินีเป็น ผบ.ทบ.แล้วถึงสองคน พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา และ พลเอกประยุทธ์ เพราะฉะนั้นคนต่อไปอยากได้ต้องได้ สายวังตั้งกำแพงหนาหลายชั้นไว้รับพลเอกอุดมเดชกันแน่นปึ๊ก ทั้งกองหน้า กองหลัง เซ็นต์เตอร์ฮาฟ องคมนตรีลงสนามมาเล่นเองเลยหมดทั้ง 18 คน รับรองทีมบอลของประยุทธ์และน้องชายมาเจาะประตูพลเอกอุดมเดชยากมาก แม้จะได้เจ้าของสโมสรบุรีรัมย์ F.U.C.K.มาช่วยงานใต้ดิน แต่งานนี้ถ้าพลเอกประยุทธ์ยังยอมหักไม่ยอมงอกับสายวัง.. มีหวังได้เละตุ้มเป๊ะแน่.. เจออีกหลายดอก..สายข่าวทหาร ญาติวาสนา แน่นิ่ง ส่งข่าวมา
KP140624
เขาเล่ามา
@นิทานคั่นกลางระหว่างรอ..ตอแหลแลนด์
ภายในห้องทำงานใหญ่ตึก บก.ทหาร.ท่านจอมพลกำลังหน้าเครียดกับสถานการณ์ที่สหภาพยุโรปหรือ อียู.เตรียมกดดันในหลายๆเรื่อง.แถมอเมริการก็แอนตี้สินค้าที่ใช้แรงงานทาสเป็นแรงงานผลิต.ทางด้านจีนที่ท่านจอมพลจะฝากเอาตัวไปแนบซะหน่อยก็ทำท่าถอยห่างออกไปอีก.เห่อ.บริหารประเทศมันช่างยากเย็นกว่าที่เราคิดจริงๆ ท่านจอมพลบ่นในใจเบาๆ..
เสียงเคาะประตูก๊อกๆ3ครั้งก่อนประตูแย้มออกมา..ไอ้ เสธ.วันไทยหน้าหล่อเจ้าเดิมโผล่เข้ามาพร้อมหอมแฟ้มปึกใหญ่...ท่านครับวันนี้มีทั้งข่าวดีและร้ายครับ ท่านจะรับอันไหนก่อนครับ..ไอ้ เสธ.หน้าหล่อพูดติดตลก แต่ยามนี้ท่านจอมพลไม่ตลกด้วยกะมึงแล้ว..เรื่องอะไรของมึงวะวันไทย..ทั้งดีทั้งร้าย..ท่านผู้นำตะคอกเบาๆตามสไตล์...ยังงี้ครับนายวันก่อนสายข่าวที่เราส่งไปหาข่าวตามชุมชนแจ้งมาค่อนข้างล้าน%ว่าพวกเสื้อแดงยังไม่ยอมแพ้จริง ที่พวกมันเงียบๆเป็นเป่าสากเพราะมันขาดผู้นำ ตอนนี้90%ตัวแกนนำมันยอมสยบเราหมดแล้ว..เหลือที่เป็นปัญหาคือพวกนักรบไซเบอร์กลุ่มโซเชียลต่างๆนี่ละเป็นปัญหาหอกข้างแคร่เราอยู่เนื่องๆจะปิดเฟสปิดไลน์ก็ไม่ได้..ส่วนไอ้ บก.ลายด่างท่านไม่ต้องห่วงขังมันไว้สัก6เดือนก็เข็ดขี้อ่อนแล้วท่าน..เออมึงนี้เข้าท่าว่ะ ไอ้วันไทยอนาคตมึงได้ติดพลตรีแน่ถ้าเลียกูไปเรื่อยๆ..ว่าแต่ด้านเศรษฐกิจนี้สิ กูกลุ้มใจชิบหายไม่รู้จะปลุกปั่นยังไง ที่เราทำตอนนี้คือลดแหลกแจกแถม กูกลัวระยะยาวประชาชนจะเอือม..เพราะกูรู้ว่าแม่งพวกเราแต่ละคนมาเพื่อใช้เงินไม่ได้มาเพื่อหาเงิน..กลุ้มวะวันไทย..นายพลถอนหายใจก่อน..เงยหน้ามองไอ้ เสธ.วันไทย ถ้าไม่มีอะไรมึงออกไปก่อนวันไทย....
ภัตราคารหูฉลามชื่อดังย่านจิมชาจุ่ยของฮ่องกง ทักกี้และเพื่อนนายพลสามคนกำลังนั่งซดหูฉลามชั้นดี..พลเอกพกเพื่อนซี้..ยามนี้ต้องสงบนิ่งก่อนว่ะที่ผ่านมาอั๊วออกตัวมากก็ช้ำมาก ทักกี้กึ่งซดหูฉลามกึ่งพูดกะเพื่อนร่วมโต๊ะ ใครจะนึกว่าประยุทธมันจะบ้าระห่ำได้ขนาดนี้..แต่อย่างว่ามันขึ้นหลังเสือแล้วลงยากต้องควบคุมเสือให้ดีไม่ให้เสืองับคอตัวเอง..หรือหล่นจากหลังเสือก็กลายเป็นหมาทันที..ดูแล้วอั๊วให้มันเต็มที่ไม่เกิน1ปี สภาวะต่างๆจะกดดันตัวมันเอง..ภาพรวมต่างชาติ เศรษฐกิจ สังคม ปากท้องประชาชนระยะยาวแล้ว ประยุทธเอาไม่อยู่แน่มาเก็บเงินในคลังบริหารประเทศแต่หาเพิ่มไม่เป็น ไม่รอด ทักกี้พูดแบบเชียนเศรษฐกิจที่ตัวเองผ่านมาทุกรูปแบบ..แล้วเรื่องน้องสาวลื้อจะยังไงต่อวะแม้ว..พลอากาศเอกสุกำกวมเพื่อนเตรียมสิบอีกคนโพล่งขึ้นมาถามทักกี้..ทักกี้ยิ้มมุมปากแต่ในแววตาเหมือนคิดอะไรในใจไว้แล้ว..เรื่องปูดองไม่ต้องห่วงสบายใจได้ น้องสาวอั๊วคนนี้อยู่กะอั๊วมาตั้งแต่เล็กรู้นิสัยดีว่าเป็นยังไง..รู้หลบ รู้หลีก รู้ถอย..ไอ้ปูมันเอาตัวรอดได้สบาย..
แล้วประชาชนฝั่งเสื้อแดงที่สนับสนุนฝั่งเราและพรรคละจะยังเหนียวแน่นไหม..เพราะข่าวแว่วๆมาว่าพวกมันจะสลายพรรคการเมืองด้วย..มีเลือกตั้งก็จริงแต่เลือกภายใต้รัฐธรรมนูญที่เขียนกีดกันทุกทางเพื่อไม่ให้มีพรรคใหญ่พรรคเดียว..งานนี้นอกจากมันสลายสีเสื้อแล้วยังสลายพรรคการเมืองด้วย เผลอๆจะทำให้ตนเหนื่อยหน่ายการเลือกตั้งหันมานิยมแบบการปกครองที่ทหารทำอยู่...เพราะมวลชนเสื้อแดงก็รวมไม่ติดทหารลงสแกนทุกพื้นที่..อดีต รมต.กลาโหมเพื่อนซี้ทักกี้กล่าว..เอาน่าไอ้โอ๋..ไม่เกินปีได้เห็นอะไรเปลี่ยนแปลงแน่..มึงใจเย็นๆ เรื่องมวลชนที่สนับเรามาแต่แรกไม่มีวันทิ้งเขาแน่นอน..แต่ตอนนี้น้ำกำลังเชี่ยวไม่อยากเอาเรือขวางเสียของเปล่าๆ..ทักกี้ยกแก้วไวน์ชั้นดีกระดกลงคอ1กึ๊บก่อนแบมือเป็นสัญลักษณ์บอกเพื่อนไม่มีอะไรให้นิ่งๆดูก่อน...
ตึก บก.ทหาร ท่านจอมพลยามนี้อยากมีสักสิบมือสิบเท้าจริงๆเพราะแต่ละวันกำหนดการประชุมพบคนนั้นคนนี้มันมากมายกว่าตอนที่เป็น ผบ.ทบ..รู้งี้กูอยู่นิ่งๆรอเกษียณดีกว่า..บ่นในใจพรางยกหูโทรศัพท์หาหมอผีหัวฟู...นี่คุณหมออย่าหาว่าผมลดชั้นคุณหมอนะที่โยกมาเป็น ผอ.นิติวิทยาศาสตร์ตำแหน่งเดิม..มันมีงานที่ต้องให้คุณหมอเคลียร์ ยังไงช่วยงานผมตรงนี้ก่อน..อนาคตคุณหมอ..รมต.ยุติธรรมแน่..ผมรับปาก..ท่านจอมพลกรอกเสียงปนดุปนปลอบกับหมอผีดิบ..หมอผีดิบได้แต่ ค่ะ กับ ค่ะท่าน..แต่นึกในน้อยใจไอ้เหล่ หลอกกูให้ดีใจ..ถ้าเบี้ยวมึงเจอกูแฉแน่...
KP140624
@นิทานคั่นกลางระหว่างรอ..ตอแหลแลนด์
ภายในห้องทำงานใหญ่ตึก บก.ทหาร.ท่านจอมพลกำลังหน้าเครียดกับสถานการณ์ที่สหภาพยุโรปหรือ อียู.เตรียมกดดันในหลายๆเรื่อง.แถมอเมริการก็แอนตี้สินค้าที่ใช้แรงงานทาสเป็นแรงงานผลิต.ทางด้านจีนที่ท่านจอมพลจะฝากเอาตัวไปแนบซะหน่อยก็ทำท่าถอยห่างออกไปอีก.เห่อ.บริหารประเทศมันช่างยากเย็นกว่าที่เราคิดจริงๆ ท่านจอมพลบ่นในใจเบาๆ..
เสียงเคาะประตูก๊อกๆ3ครั้งก่อนประตูแย้มออกมา..ไอ้ เสธ.วันไทยหน้าหล่อเจ้าเดิมโผล่เข้ามาพร้อมหอมแฟ้มปึกใหญ่...ท่านครับวันนี้มีทั้งข่าวดีและร้ายครับ ท่านจะรับอันไหนก่อนครับ..ไอ้ เสธ.หน้าหล่อพูดติดตลก แต่ยามนี้ท่านจอมพลไม่ตลกด้วยกะมึงแล้ว..เรื่องอะไรของมึงวะวันไทย..ทั้งดีทั้งร้าย..ท่านผู้นำตะคอกเบาๆตามสไตล์...ยังงี้ครับนายวันก่อนสายข่าวที่เราส่งไปหาข่าวตามชุมชนแจ้งมาค่อนข้างล้าน%ว่าพวกเสื้อแดงยังไม่ยอมแพ้จริง ที่พวกมันเงียบๆเป็นเป่าสากเพราะมันขาดผู้นำ ตอนนี้90%ตัวแกนนำมันยอมสยบเราหมดแล้ว..เหลือที่เป็นปัญหาคือพวกนักรบไซเบอร์กลุ่มโซเชียลต่างๆนี่ละเป็นปัญหาหอกข้างแคร่เราอยู่เนื่องๆจะปิดเฟสปิดไลน์ก็ไม่ได้..ส่วนไอ้ บก.ลายด่างท่านไม่ต้องห่วงขังมันไว้สัก6เดือนก็เข็ดขี้อ่อนแล้วท่าน..เออมึงนี้เข้าท่าว่ะ ไอ้วันไทยอนาคตมึงได้ติดพลตรีแน่ถ้าเลียกูไปเรื่อยๆ..ว่าแต่ด้านเศรษฐกิจนี้สิ กูกลุ้มใจชิบหายไม่รู้จะปลุกปั่นยังไง ที่เราทำตอนนี้คือลดแหลกแจกแถม กูกลัวระยะยาวประชาชนจะเอือม..เพราะกูรู้ว่าแม่งพวกเราแต่ละคนมาเพื่อใช้เงินไม่ได้มาเพื่อหาเงิน..กลุ้มวะวันไทย..นายพลถอนหายใจก่อน..เงยหน้ามองไอ้ เสธ.วันไทย ถ้าไม่มีอะไรมึงออกไปก่อนวันไทย....
ภัตราคารหูฉลามชื่อดังย่านจิมชาจุ่ยของฮ่องกง ทักกี้และเพื่อนนายพลสามคนกำลังนั่งซดหูฉลามชั้นดี..พลเอกพกเพื่อนซี้..ยามนี้ต้องสงบนิ่งก่อนว่ะที่ผ่านมาอั๊วออกตัวมากก็ช้ำมาก ทักกี้กึ่งซดหูฉลามกึ่งพูดกะเพื่อนร่วมโต๊ะ ใครจะนึกว่าประยุทธมันจะบ้าระห่ำได้ขนาดนี้..แต่อย่างว่ามันขึ้นหลังเสือแล้วลงยากต้องควบคุมเสือให้ดีไม่ให้เสืองับคอตัวเอง..หรือหล่นจากหลังเสือก็กลายเป็นหมาทันที..ดูแล้วอั๊วให้มันเต็มที่ไม่เกิน1ปี สภาวะต่างๆจะกดดันตัวมันเอง..ภาพรวมต่างชาติ เศรษฐกิจ สังคม ปากท้องประชาชนระยะยาวแล้ว ประยุทธเอาไม่อยู่แน่มาเก็บเงินในคลังบริหารประเทศแต่หาเพิ่มไม่เป็น ไม่รอด ทักกี้พูดแบบเชียนเศรษฐกิจที่ตัวเองผ่านมาทุกรูปแบบ..แล้วเรื่องน้องสาวลื้อจะยังไงต่อวะแม้ว..พลอากาศเอกสุกำกวมเพื่อนเตรียมสิบอีกคนโพล่งขึ้นมาถามทักกี้..ทักกี้ยิ้มมุมปากแต่ในแววตาเหมือนคิดอะไรในใจไว้แล้ว..เรื่องปูดองไม่ต้องห่วงสบายใจได้ น้องสาวอั๊วคนนี้อยู่กะอั๊วมาตั้งแต่เล็กรู้นิสัยดีว่าเป็นยังไง..รู้หลบ รู้หลีก รู้ถอย..ไอ้ปูมันเอาตัวรอดได้สบาย..
แล้วประชาชนฝั่งเสื้อแดงที่สนับสนุนฝั่งเราและพรรคละจะยังเหนียวแน่นไหม..เพราะข่าวแว่วๆมาว่าพวกมันจะสลายพรรคการเมืองด้วย..มีเลือกตั้งก็จริงแต่เลือกภายใต้รัฐธรรมนูญที่เขียนกีดกันทุกทางเพื่อไม่ให้มีพรรคใหญ่พรรคเดียว..งานนี้นอกจากมันสลายสีเสื้อแล้วยังสลายพรรคการเมืองด้วย เผลอๆจะทำให้ตนเหนื่อยหน่ายการเลือกตั้งหันมานิยมแบบการปกครองที่ทหารทำอยู่...เพราะมวลชนเสื้อแดงก็รวมไม่ติดทหารลงสแกนทุกพื้นที่..อดีต รมต.กลาโหมเพื่อนซี้ทักกี้กล่าว..เอาน่าไอ้โอ๋..ไม่เกินปีได้เห็นอะไรเปลี่ยนแปลงแน่..มึงใจเย็นๆ เรื่องมวลชนที่สนับเรามาแต่แรกไม่มีวันทิ้งเขาแน่นอน..แต่ตอนนี้น้ำกำลังเชี่ยวไม่อยากเอาเรือขวางเสียของเปล่าๆ..ทักกี้ยกแก้วไวน์ชั้นดีกระดกลงคอ1กึ๊บก่อนแบมือเป็นสัญลักษณ์บอกเพื่อนไม่มีอะไรให้นิ่งๆดูก่อน...
ตึก บก.ทหาร ท่านจอมพลยามนี้อยากมีสักสิบมือสิบเท้าจริงๆเพราะแต่ละวันกำหนดการประชุมพบคนนั้นคนนี้มันมากมายกว่าตอนที่เป็น ผบ.ทบ..รู้งี้กูอยู่นิ่งๆรอเกษียณดีกว่า..บ่นในใจพรางยกหูโทรศัพท์หาหมอผีหัวฟู...นี่คุณหมออย่าหาว่าผมลดชั้นคุณหมอนะที่โยกมาเป็น ผอ.นิติวิทยาศาสตร์ตำแหน่งเดิม..มันมีงานที่ต้องให้คุณหมอเคลียร์ ยังไงช่วยงานผมตรงนี้ก่อน..อนาคตคุณหมอ..รมต.ยุติธรรมแน่..ผมรับปาก..ท่านจอมพลกรอกเสียงปนดุปนปลอบกับหมอผีดิบ..หมอผีดิบได้แต่ ค่ะ กับ ค่ะท่าน..แต่นึกในน้อยใจไอ้เหล่ หลอกกูให้ดีใจ..ถ้าเบี้ยวมึงเจอกูแฉแน่...
KP140624
What do you say when it's your last day in a place that you love, when you know you have to take your family away?
Wherever we are, whoever we are, we have got to hit back. Every time there is abuse, be it human rights or trafficking we have to speak up, eventually the world will listen.
When you get stepped on our team will hit back hard. Be assured of that. It may be an unfair fight but don't bet on them as the winners.
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=10152509206971622&set=a.10150233233556622.321763.719216621
KP140624
Wherever we are, whoever we are, we have got to hit back. Every time there is abuse, be it human rights or trafficking we have to speak up, eventually the world will listen.
When you get stepped on our team will hit back hard. Be assured of that. It may be an unfair fight but don't bet on them as the winners.
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=10152509206971622&set=a.10150233233556622.321763.719216621
KP140624
1
ทั่นรุขเทวดา..ขอสงพะจาเริญ
เจาะเวลาหา "จิ๋นซี" เหรอเพคะ
5 5 5 เดินได้แล้ว ไม่ต้องนั่งวีลแชร์
แหม่ นึกถึงสมัยก่อนเลยนะครัส
ตัวแย้งซีนคณะราษฎรที่2
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=322556227830087&set=a.101147189970993.2041.100002271364703
KP14062
เจาะเวลาหา "จิ๋นซี" เหรอเพคะ
5 5 5 เดินได้แล้ว ไม่ต้องนั่งวีลแชร์
แหม่ นึกถึงสมัยก่อนเลยนะครัส
ตัวแย้งซีนคณะราษฎรที่2
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=322556227830087&set=a.101147189970993.2041.100002271364703
KP14062
1
1
วันชาติไทยถูกปิดกั้นเสรีภาพของประชาชน บรรพบุรุษคงนอนตายตาไม่หลับ
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=639639436127028&set=a.532348726856100.1073741842.327482360676072
KP140624
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=639639436127028&set=a.532348726856100.1073741842.327482360676072
KP140624
1
No comments:
Post a Comment