KP Page
10:35 (edited) - Public
ผมว่านี่เป็นคลิืปที่ดีที่สุด ในปีนี้เลย สมควรอย่างยิ่งที่จะฟัง พวกคลั่งพรรคเพื่อไทยแบบบ้าคลั่ง ควรฟังไว้ให้มากๆ
http://forum.banrasdr.com/showthread.php?tid=19175
รายการผ่าแหลก 24-12-2012
จริงไม่จริงไม่รู้ ลองฟังดู
http://forum.banrasdr.com/showthread.php?tid=19175
รายการผ่าแหลก 24-12-2012
จริงไม่จริงไม่รู้ ลองฟังดู
นิธิ เอียวศรีวงศ์ : ชาตินักรบ -
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1356188562
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1356188562
นิธิ เอียวศรีวงศ์ : ชาตินักรบ »
มติชนออนไลน์
อานิสงส์ แห่จองรถยนต์คันแรก กระจายไปไกลถึงญี่ปุ่น
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1356248315
ปรากฏการณ์ "แห่จองรถ" ของคนไทยกลายเป็นหัวข้อข่าวที่สื่อต่างประเทศรวมถึงสื่อญี่ปุ่นพูดถึงกันมาก ยอดการส่งออกรถยนต์ของไทยในช่วง 10 เดือนแรกก็ทะลุหลัก 8 แสนคันไปแล้ว จึงไม่น่าแปลกใจที่บรรดาค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นซึ่งกำลังประสบปัญหาจากฐานการผลิตและยอดขายในจีนต่างพุ่งเป้ามาสู่ฐานการผลิตในประเทศไทย หวังผลักดันให้ไทยกลายเป็น "Hub" หรือศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ในภูมิภาค และไทยจะเลื่อนขั้นขึ้นมาเป็นประเทศผู้ผลิตรถยนต์อันดับ 9 ของโลกจากอันดับที่ 14
ปัจจุบันจีนรั้งอันดับ 1 ของประเทศผู้ผลิตรถยนต์มากที่สุดของโลกตามมาด้วยญี่ปุ่น ในอันดับที่ 2 เยอรมนี อันดับ 3 เกาหลีใต้ อันดับ 4 อินเดีย อันดับ 5 และสหรัฐอเมริกา อันดับ 6
KP // มันเลวระยำกันขนาดนี้ กูว่าไปขี่เกวียนแบบพอเพียงน่าจะเข้าท่ากว่านะ ... อีกอย่างขอคืนมายบัคคันหรูจะได้มั้ย เอามาสร้างนู่นสร้างนี่ให้คนจนได้อีกเยอะ
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1356248315
ปรากฏการณ์ "แห่จองรถ" ของคนไทยกลายเป็นหัวข้อข่าวที่สื่อต่างประเทศรวมถึงสื่อญี่ปุ่นพูดถึงกันมาก ยอดการส่งออกรถยนต์ของไทยในช่วง 10 เดือนแรกก็ทะลุหลัก 8 แสนคันไปแล้ว จึงไม่น่าแปลกใจที่บรรดาค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นซึ่งกำลังประสบปัญหาจากฐานการผลิตและยอดขายในจีนต่างพุ่งเป้ามาสู่ฐานการผลิตในประเทศไทย หวังผลักดันให้ไทยกลายเป็น "Hub" หรือศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ในภูมิภาค และไทยจะเลื่อนขั้นขึ้นมาเป็นประเทศผู้ผลิตรถยนต์อันดับ 9 ของโลกจากอันดับที่ 14
ปัจจุบันจีนรั้งอันดับ 1 ของประเทศผู้ผลิตรถยนต์มากที่สุดของโลกตามมาด้วยญี่ปุ่น ในอันดับที่ 2 เยอรมนี อันดับ 3 เกาหลีใต้ อันดับ 4 อินเดีย อันดับ 5 และสหรัฐอเมริกา อันดับ 6
KP // มันเลวระยำกันขนาดนี้ กูว่าไปขี่เกวียนแบบพอเพียงน่าจะเข้าท่ากว่านะ ... อีกอย่างขอคืนมายบัคคันหรูจะได้มั้ย เอามาสร้างนู่นสร้างนี่ให้คนจนได้อีกเยอะ
อานิสงส์ แห่จองรถยนต์คันแรก กระจายไปไกลถึงญี่ปุ่น »
มติชนออนไลน์
คำ ผกา เขียนถึงรางวัลกรรมการสิทธิฯ : "เลือดท่านเย็นยะเยียบทีเดียว" -http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1356352639
ร.ฟ.ท.ลั่นเป้า "สะอาด-ตรงเวลา" เล็งต่อแอร์พอร์ตลิงก์ถึงตราด -http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1356409997
Hail ประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่ารฟท.คนปัจจุบัน เพราะตั้งแต่มีผู้ว่ารฟท. เพิ่งจะมีคนนี้แหละ ที่ประกาศชัดเจนที่สุด ขอให้ clear กับสหภาพให้ได้ เพราะความต้องการของผู้โดยสาร กับ สหภาพ หรือแม้แต่การทำงาน routine ที่ไร้ซึ่งความคิด ความรับผิดชอบต่อผู้โดยสาร ทำให้รถไฟมีปัญหามาโดยตลอด ...
Hail ประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่ารฟท.คนปัจจุบัน เพราะตั้งแต่มีผู้ว่ารฟท. เพิ่งจะมีคนนี้แหละ ที่ประกาศชัดเจนที่สุด ขอให้ clear กับสหภาพให้ได้ เพราะความต้องการของผู้โดยสาร กับ สหภาพ หรือแม้แต่การทำงาน routine ที่ไร้ซึ่งความคิด ความรับผิดชอบต่อผู้โดยสาร ทำให้รถไฟมีปัญหามาโดยตลอด ...
อภิสิทธิ์พูดถึงสงครามประชาชน แสดงถึงไม่มั่นใจในเส้นสายระบอบอำมาตย์แล้วหรือ? -http://forum.banrasdr.com/showthread.php?tid=19181
มีคนตั้งข้อสังเกตุว่า ช่วงนี้อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะนั้น พูดถึงประชาชนบ่อยขึ้น เช่น พูดสงครามประชาชน ตายสิบเกิดแสนอะไรนั่น ซึ่งก่อนหน้านี้คนอย่างนายอภิสิทธิ์ ที่เกิดมาในชนชั้นอำมมาตย์ ชั่วชีวิตไม่เคยสัมผัสวิถีชีวิตชาวบ้านคนไทยตลอดเลยนั้น ไม่เคยพูดถึงประชาชนเลย เพราะเขามีความมั่นใจในเส้นสายระบอบอำมาตย์ที่สนับสนุนเขาอยู่เบื้องหลัง
มีคนตั้งข้อสังเกตุว่า ช่วงนี้อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะนั้น พูดถึงประชาชนบ่อยขึ้น เช่น พูดสงครามประชาชน ตายสิบเกิดแสนอะไรนั่น ซึ่งก่อนหน้านี้คนอย่างนายอภิสิทธิ์ ที่เกิดมาในชนชั้นอำมมาตย์ ชั่วชีวิตไม่เคยสัมผัสวิถีชีวิตชาวบ้านคนไทยตลอดเลยนั้น ไม่เคยพูดถึงประชาชนเลย เพราะเขามีความมั่นใจในเส้นสายระบอบอำมาตย์ที่สนับสนุนเขาอยู่เบื้องหลัง
อภิสิทธิ์พูดถึงสงครามประชาชน แสดงถึงไม่มั่นใจในเส้นสายระบอบอำมาตย์แล้วหรือ? »
มีคนตั้งข้อสังเกตุว่า ช่วงนี้อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะนั้น พูดถึงประชาชนบ่อยขึ้น เช่น พูดสงครามประชาชน ตายสิบเกิดแสนอะไรนั่น ซึ่งก่อนหน้านี้คนอย่างนายอภิสิทธิ์ ที่เกิดมาในชนชั้นอำมมาตย์ ชั่วชีวิตไม่เคยสัมผั...
KP Page
11:44 (edited) - Public
Status Update
By สุรพศ ทวีศักดิ์
ผมขอเสนอว่า หากคณะสงฆ์ไม่อยากถูกตรวจสอบแบบที่ อ.สุลักษณ์ ศิวรักษ์ ยื่นเรื่องตรวจสอบอธิการบดีมหาจุฬาฯ ก็ประกาศตนเป็นอิสระจากรัฐไปเลยครับ จากนั้นท่านจะอยู่กันยังไงก็แล้วแต่กลุ่มลูกศิษย์ลูกหาที่นับถือท่านจะตรวจสอบกันเอง แต่ตราบที่ท่านยังมีสมณศักดิ์ มีกฎหมายปกครองเฉพาะ รับงบประมาณจากภาษีประชาชนปีละกว่า 4,000 ล้าน ท่านก็ต้องถูกตรวจสอบแบบนักการเมืองและข้าราชการทั่วๆไป
https://www.facebook.com/suraphotthaweesak/posts/384026895023989
สุรพศ ทวีศักดิ์
แล้วจะแยกความเป็นพระกับคนธรรมดายังไงครับ ตรวจสอบการใช้เงินถ้าผิดกฎหมายก็ดำเนินการตามกฎหมาย และมันผิดอาบัติปาราชิกด้วยก็ต้องดำเนินการตามพระธรรมวินัย ต้องเข้าใจให้ชัดว่าธรรมวินัยไม่ใช่ฐานอำนาจหรือกรอบอ้างอิงอำนาจของมหาเถร แต่ธรรมวินัยเป็นกรอบของสังฆะเถรวาท พรบ.สงฆ์ 2505 ต่างหากคือฐานอำนาจมหาเถร ไม่มีกฎหมายมหาเถรไม่มี แต่จะมีมหาเถร มีกฎหมายหรือไม่ธรรมวินัยต้องมีและต้องใช้เป็นหลักอ้างอิงในการตรวจสอบพระเถรวาทเสมอไป
อย่างที่ว่าแม้สมัยยังไม่มีมหาเถร สังฆะเถรวาทก็ใช้กรอบธรรมวินัยในการตรวจสอบกันเองมาตลอด ถึงมีมหาเถรก็ต้องใช้กรอบนี้
ความไม่ชอบธรรมของมหาเถรอยู่ที่กฎหมาย ไม่ใช่อยู่ที่ธรรมวินัย
ถึงมีหรือไม่มีมหาเถร พระต้องอาบัติปาราชิกด็ต้องสึก เป็นเรื่องของการซื่อตรงและเคารพธรรมวินัย ไม่เกี่ยวกับกฎหมาย
โยนกฎหมายทิ้งไปเลย ชาวพุทธเถรวาทก็ยังต้องตรวจสอบกันเองด้วยธรรมวินัยเพราะธรรมวินัยเป็นกรอบอ้างอิงความเป็นสังฆะเถรวาท ต้องอาบัติปาราชิกแล้วต้องสละสมณเพศไม่ใช่กฎหมายบัญญัติ แต่เป็นพุทธบัญญัติ คนที่มาบวชยอมรับข้อบัญญัตินี้ตั้งแต่ต้น เมื่อละเมิดก็ต้องรับผิดชอบ นี่คือหลักการ (ส่วนเรื่องที่ว่าตรวจสอบได้แค่พระมีเซ็กส์ เมาเหล้า ฯลฯ ไม่ทำให้พุทธศาสนาก้าวหน้าไปกว่านี้ ถ้าอยากให้ก้าวหน้าไปกว่านี้ก็ต้องส่งเสริมอะไรที่จะสนับสนุนให้ก้าวหน้าขึ้นมา แต่เมื่อกรอบวินัยพื้นฐานเป็นอย่างนี้ก็ต้องใช้กรอบที่ยอมรับร่วมกันตรวจสอบกันไป ไม่ได้หมายความว่า "ห้าม" ไม่ให้ทำเรื่องอื่นที่พุทธจะก้าวหน้าขึ้น เช่นให้เป็นอิสระจากรัฐเป็นต้น)
เลิกกล่าวหาผมว่าสนับสนุนอำนาจมหาเถรเสียที เพราะผมอ้างอิงกรอบธรรมวินัยเถรวาทในการตรวจสอบ ไม่ได้อ้างอิงกฎหมายมหาเถร
โยนมหารเถรทิ้ง ถ้ายังประกาศต่อสาธารณะว่าเป็นสังฆะเถรวาทย่อมหมายถึงสถานะนั้นได้รับความชอบธรรมจากการอ้างอิงกรอบธรรมวินัยเถรวาท และมีความชอบธรรมที่ชาวพุทธเถรวาทจะอ้างอิงกรอบที่ยอมรับร่วมกันนี้ตรวจสอบกันและกันเสมอไป (แต่ที่มีมหาเถรอยู่ต้องยอมรับข้อเท็จจริงว่ามหาเถรก็ประกาศต่อสาธารณะหรือเป็นที่ทราบกันทั่วไปว่าสังฆะภายใต้มหาเถรยึดกรอบธรรมวินัยเถรวาท ฉะนั้นจึงค้องอ้างอิงกรอบธรรมวินัยเถรวาทตรวจสอบสังฆะตามเป็นจริงในปัจจุบัน)
สรุปคือ ผมยืนยันหลักพระธรรมวินัยที่ใหญ่กว่าอำนาจตามกฎหมายมหาเถร และยืนยันว่ากรรมการมหาเถรและพระในระบบนี้ต้องถูกตรวจสอบในกรอบพระธรรมวินัยที่สังฆะนี้อ้างว่าตนยึดถือปฏิบัติจนได้รับการยอมรับจากสังคม (ไม่ใช่สนับสนุนอำนาจตามกฎหมายของมหาเถร แต่สนับสนุนธรรมวินัยที่ต้องมีเป็นหลักอยู่เสมอไป ต้องใช้วิธีคิดแบบ "วิภัชชวาท" ครับ)
การอ้างอิงกรอบพระธรรมวินัยตรวจสอบสังฆะภายใต้การปกครองมหาเถรสมาคมเท่ากับเป็นการ "เพิ่มอำนาจ" แก่มหาเถรหรือเป็นการ "จำกัดอำนาจ" (?)
มีมิตรสหายที่รักยิ่งบางท่านบอกว่า "การตรวจสอบพระภายใต้ระบบมหาเถรต้องตรวจสอบใน ทางกฎหมาย เท่านั้น เช่น การใช้เงินถ้าผิดก็ดำเนินการตามกฎหมาย ไม่ควรตรวจสอบ ทางพระธรรมวินัย เพราะเท่ากับเป็นการเพิ่มอำนาจเผด็จการแก่มหาเถร"
ขอเรียนด้วยความเคารพว่า กรอบพระธรรมวินัยคือการ "จำก...ัดอำนาจ" ของมหาเถรครับ เพราะสถานะและอำนาจมหาเถรถูกสถาปนาขึ้นโดยกฎหมาย รศ.121 ต่อมาถูกยกเลิกโดย พรบ.สงฆ์ 2484 แล้วจึงกลับมาอีกด้วย พรบ.สงฆ์ 2505 โดยหลักการในการตรากฎหมายนี้ตราขึ้นเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติตามพระธรรมวินัยและให้อำนาจมหาเถรออกกฎ ระเบียบ ประกาศ และคำสั่งต่างๆได้โดยไม่ขัดหรือแย้ง "พระธรรมวินัย" (หมายความว่าตามหลักการนี้กรอบพระธรรมวินัย "จำกัดอำนาจมหาเถร" แต่ในทางปฏิบัติอาจเป็นอีกเรื่องหนึ่ง)
ข้อเสนอที่ว่าให้ตรวจสอบสังฆะภายใต้มหาเถรด้วย "กฎหมายเท่านั้น" ไม่ต้องใช้ "พระธรรมวินัย" แท้จริงแล้วข้อเสนอเช่นนี้เป็นการ "เพิ่มอำนาจ" แก่มหาเถร คือเมื่อไม่ต้องใช้กรอบพระธรรมวินัยตรวจสอบมหาเถร ก็หมายความว่ามหาเถรจะออกกฎ ระเบียบ คำสั้ง ประกาศใดๆ ที่เป็นการละเมิดพระธรรมวินัยก็ได้
เช่นออกกฎว่า พระมีเมีย ตกกลางคืนไปอาบอบนวด ไปดื่มเหล้าในผับ ฯลฯ คือเรื่องใดๆ ที่ไม่ผิดกฎหมายบ้านเมือง มหาเถรสามารถออกกฎให้พระทำได้หมดเลย เพราะชาวพุทธใช้กรอบพระธรรมวินัยเถรวาทไปตรวจสอบหรือจำกัดอำนาจของมหาเถรไม่ได้
ที่จริงข้อเสนอแบบนี้มันไม่ make sense และเป็นไปไม่ได้ในทางปฏิบัติหรอกครับ สมมติมหาเถรรับข้อเสนอนี้ไป แล้วไปออกกฎต่างๆอย่างว่าจริง ชาวพุทธจำนวนมากก็ต้องออกมาคัดค้าน ถามว่าคัดค้านด้วยการอ้างอิงอะไร ก็อ้างอิง "กรอบพระธรรมวินัย" ไงครับ
ต่อไปในวันข้างหน้า พุทธเป็นอิสระจารัฐ การตรวจสอบไม่ต้องผ่านระบบมหาเถร แต่กลุ่มชาวพุทธต่างๆที่ถือว่าตนเองเป็นเถรวาทเขาก็ยังใช้กรอบธรรมวินัยเถรวาทในการตรวจสอบกันเองอยู่ดี (เช่นวินัยบัญญัติว่าพระเสพเมถุนต้องอาบัติปาราชิกต้องสละสมณเพศ พระ ก.ละเมิดก็ต้องสึกตามข้อกำหนดของวินัยเถรวาท...แต่ถ้าคุณอยากเป็นพระที่มีเมียได้ก็ไปตั้งนิกายใหม่ขึ้นมา ไม่มีใครห้ามคุณ สังคมยอมรับคุณก็อยู่ได้) แต่อาจยืดหยุ่นในการตีความมากขึ้น (เมื่อแยกเป็นนิกายใหม่ก็ใช้กรอบนืกายใหม่ตรวจสอบกันต่อไป ก็เท่านั้นเอง)
เรื่องตีความพระธรรมวินัยเปลี่ยนแปลงได้เป็นอีกเรื่อง แต่เวลานี้เขารับกันแบบนี้อยู่ พระปี้สีกาผิดเขาก็มีสิทธิใช้กรอบนี้ตรวจสอบกันอยู่ (แหะๆ ขออนุญาตพักก่อนนะ อากาศหัวหินเย็น แต่โทรศัพท์ที่หูร้อน เพราะเถียงกับ "คนรักพุทธศาสนา" นาน หมดแรง เลยเอาที่โพสต์ไปแล้วมาตอบ)
ธรรมวินัยไม่ได้ขัดความความเป็นประชาธิปไตย แต่กฎหมายคณะสงฆ์ต่างหาก
By สุรพศ ทวีศักดิ์
ผมขอเสนอว่า หากคณะสงฆ์ไม่อยากถูกตรวจสอบแบบที่ อ.สุลักษณ์ ศิวรักษ์ ยื่นเรื่องตรวจสอบอธิการบดีมหาจุฬาฯ ก็ประกาศตนเป็นอิสระจากรัฐไปเลยครับ จากนั้นท่านจะอยู่กันยังไงก็แล้วแต่กลุ่มลูกศิษย์ลูกหาที่นับถือท่านจะตรวจสอบกันเอง แต่ตราบที่ท่านยังมีสมณศักดิ์ มีกฎหมายปกครองเฉพาะ รับงบประมาณจากภาษีประชาชนปีละกว่า 4,000 ล้าน ท่านก็ต้องถูกตรวจสอบแบบนักการเมืองและข้าราชการทั่วๆไป
https://www.facebook.com/suraphotthaweesak/posts/384026895023989
สุรพศ ทวีศักดิ์
แล้วจะแยกความเป็นพระกับคนธรรมดายังไงครับ ตรวจสอบการใช้เงินถ้าผิดกฎหมายก็ดำเนินการตามกฎหมาย และมันผิดอาบัติปาราชิกด้วยก็ต้องดำเนินการตามพระธรรมวินัย ต้องเข้าใจให้ชัดว่าธรรมวินัยไม่ใช่ฐานอำนาจหรือกรอบอ้างอิงอำนาจของมหาเถร แต่ธรรมวินัยเป็นกรอบของสังฆะเถรวาท พรบ.สงฆ์ 2505 ต่างหากคือฐานอำนาจมหาเถร ไม่มีกฎหมายมหาเถรไม่มี แต่จะมีมหาเถร มีกฎหมายหรือไม่ธรรมวินัยต้องมีและต้องใช้เป็นหลักอ้างอิงในการตรวจสอบพระเถรวาทเสมอไป
อย่างที่ว่าแม้สมัยยังไม่มีมหาเถร สังฆะเถรวาทก็ใช้กรอบธรรมวินัยในการตรวจสอบกันเองมาตลอด ถึงมีมหาเถรก็ต้องใช้กรอบนี้
ความไม่ชอบธรรมของมหาเถรอยู่ที่กฎหมาย ไม่ใช่อยู่ที่ธรรมวินัย
ถึงมีหรือไม่มีมหาเถร พระต้องอาบัติปาราชิกด็ต้องสึก เป็นเรื่องของการซื่อตรงและเคารพธรรมวินัย ไม่เกี่ยวกับกฎหมาย
โยนกฎหมายทิ้งไปเลย ชาวพุทธเถรวาทก็ยังต้องตรวจสอบกันเองด้วยธรรมวินัยเพราะธรรมวินัยเป็นกรอบอ้างอิงความเป็นสังฆะเถรวาท ต้องอาบัติปาราชิกแล้วต้องสละสมณเพศไม่ใช่กฎหมายบัญญัติ แต่เป็นพุทธบัญญัติ คนที่มาบวชยอมรับข้อบัญญัตินี้ตั้งแต่ต้น เมื่อละเมิดก็ต้องรับผิดชอบ นี่คือหลักการ (ส่วนเรื่องที่ว่าตรวจสอบได้แค่พระมีเซ็กส์ เมาเหล้า ฯลฯ ไม่ทำให้พุทธศาสนาก้าวหน้าไปกว่านี้ ถ้าอยากให้ก้าวหน้าไปกว่านี้ก็ต้องส่งเสริมอะไรที่จะสนับสนุนให้ก้าวหน้าขึ้นมา แต่เมื่อกรอบวินัยพื้นฐานเป็นอย่างนี้ก็ต้องใช้กรอบที่ยอมรับร่วมกันตรวจสอบกันไป ไม่ได้หมายความว่า "ห้าม" ไม่ให้ทำเรื่องอื่นที่พุทธจะก้าวหน้าขึ้น เช่นให้เป็นอิสระจากรัฐเป็นต้น)
เลิกกล่าวหาผมว่าสนับสนุนอำนาจมหาเถรเสียที เพราะผมอ้างอิงกรอบธรรมวินัยเถรวาทในการตรวจสอบ ไม่ได้อ้างอิงกฎหมายมหาเถร
โยนมหารเถรทิ้ง ถ้ายังประกาศต่อสาธารณะว่าเป็นสังฆะเถรวาทย่อมหมายถึงสถานะนั้นได้รับความชอบธรรมจากการอ้างอิงกรอบธรรมวินัยเถรวาท และมีความชอบธรรมที่ชาวพุทธเถรวาทจะอ้างอิงกรอบที่ยอมรับร่วมกันนี้ตรวจสอบกันและกันเสมอไป (แต่ที่มีมหาเถรอยู่ต้องยอมรับข้อเท็จจริงว่ามหาเถรก็ประกาศต่อสาธารณะหรือเป็นที่ทราบกันทั่วไปว่าสังฆะภายใต้มหาเถรยึดกรอบธรรมวินัยเถรวาท ฉะนั้นจึงค้องอ้างอิงกรอบธรรมวินัยเถรวาทตรวจสอบสังฆะตามเป็นจริงในปัจจุบัน)
สรุปคือ ผมยืนยันหลักพระธรรมวินัยที่ใหญ่กว่าอำนาจตามกฎหมายมหาเถร และยืนยันว่ากรรมการมหาเถรและพระในระบบนี้ต้องถูกตรวจสอบในกรอบพระธรรมวินัยที่สังฆะนี้อ้างว่าตนยึดถือปฏิบัติจนได้รับการยอมรับจากสังคม (ไม่ใช่สนับสนุนอำนาจตามกฎหมายของมหาเถร แต่สนับสนุนธรรมวินัยที่ต้องมีเป็นหลักอยู่เสมอไป ต้องใช้วิธีคิดแบบ "วิภัชชวาท" ครับ)
การอ้างอิงกรอบพระธรรมวินัยตรวจสอบสังฆะภายใต้การปกครองมหาเถรสมาคมเท่ากับเป็นการ "เพิ่มอำนาจ" แก่มหาเถรหรือเป็นการ "จำกัดอำนาจ" (?)
มีมิตรสหายที่รักยิ่งบางท่านบอกว่า "การตรวจสอบพระภายใต้ระบบมหาเถรต้องตรวจสอบใน ทางกฎหมาย เท่านั้น เช่น การใช้เงินถ้าผิดก็ดำเนินการตามกฎหมาย ไม่ควรตรวจสอบ ทางพระธรรมวินัย เพราะเท่ากับเป็นการเพิ่มอำนาจเผด็จการแก่มหาเถร"
ขอเรียนด้วยความเคารพว่า กรอบพระธรรมวินัยคือการ "จำก...ัดอำนาจ" ของมหาเถรครับ เพราะสถานะและอำนาจมหาเถรถูกสถาปนาขึ้นโดยกฎหมาย รศ.121 ต่อมาถูกยกเลิกโดย พรบ.สงฆ์ 2484 แล้วจึงกลับมาอีกด้วย พรบ.สงฆ์ 2505 โดยหลักการในการตรากฎหมายนี้ตราขึ้นเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติตามพระธรรมวินัยและให้อำนาจมหาเถรออกกฎ ระเบียบ ประกาศ และคำสั่งต่างๆได้โดยไม่ขัดหรือแย้ง "พระธรรมวินัย" (หมายความว่าตามหลักการนี้กรอบพระธรรมวินัย "จำกัดอำนาจมหาเถร" แต่ในทางปฏิบัติอาจเป็นอีกเรื่องหนึ่ง)
ข้อเสนอที่ว่าให้ตรวจสอบสังฆะภายใต้มหาเถรด้วย "กฎหมายเท่านั้น" ไม่ต้องใช้ "พระธรรมวินัย" แท้จริงแล้วข้อเสนอเช่นนี้เป็นการ "เพิ่มอำนาจ" แก่มหาเถร คือเมื่อไม่ต้องใช้กรอบพระธรรมวินัยตรวจสอบมหาเถร ก็หมายความว่ามหาเถรจะออกกฎ ระเบียบ คำสั้ง ประกาศใดๆ ที่เป็นการละเมิดพระธรรมวินัยก็ได้
เช่นออกกฎว่า พระมีเมีย ตกกลางคืนไปอาบอบนวด ไปดื่มเหล้าในผับ ฯลฯ คือเรื่องใดๆ ที่ไม่ผิดกฎหมายบ้านเมือง มหาเถรสามารถออกกฎให้พระทำได้หมดเลย เพราะชาวพุทธใช้กรอบพระธรรมวินัยเถรวาทไปตรวจสอบหรือจำกัดอำนาจของมหาเถรไม่ได้
ที่จริงข้อเสนอแบบนี้มันไม่ make sense และเป็นไปไม่ได้ในทางปฏิบัติหรอกครับ สมมติมหาเถรรับข้อเสนอนี้ไป แล้วไปออกกฎต่างๆอย่างว่าจริง ชาวพุทธจำนวนมากก็ต้องออกมาคัดค้าน ถามว่าคัดค้านด้วยการอ้างอิงอะไร ก็อ้างอิง "กรอบพระธรรมวินัย" ไงครับ
ต่อไปในวันข้างหน้า พุทธเป็นอิสระจารัฐ การตรวจสอบไม่ต้องผ่านระบบมหาเถร แต่กลุ่มชาวพุทธต่างๆที่ถือว่าตนเองเป็นเถรวาทเขาก็ยังใช้กรอบธรรมวินัยเถรวาทในการตรวจสอบกันเองอยู่ดี (เช่นวินัยบัญญัติว่าพระเสพเมถุนต้องอาบัติปาราชิกต้องสละสมณเพศ พระ ก.ละเมิดก็ต้องสึกตามข้อกำหนดของวินัยเถรวาท...แต่ถ้าคุณอยากเป็นพระที่มีเมียได้ก็ไปตั้งนิกายใหม่ขึ้นมา ไม่มีใครห้ามคุณ สังคมยอมรับคุณก็อยู่ได้) แต่อาจยืดหยุ่นในการตีความมากขึ้น (เมื่อแยกเป็นนิกายใหม่ก็ใช้กรอบนืกายใหม่ตรวจสอบกันต่อไป ก็เท่านั้นเอง)
เรื่องตีความพระธรรมวินัยเปลี่ยนแปลงได้เป็นอีกเรื่อง แต่เวลานี้เขารับกันแบบนี้อยู่ พระปี้สีกาผิดเขาก็มีสิทธิใช้กรอบนี้ตรวจสอบกันอยู่ (แหะๆ ขออนุญาตพักก่อนนะ อากาศหัวหินเย็น แต่โทรศัพท์ที่หูร้อน เพราะเถียงกับ "คนรักพุทธศาสนา" นาน หมดแรง เลยเอาที่โพสต์ไปแล้วมาตอบ)
ธรรมวินัยไม่ได้ขัดความความเป็นประชาธิปไตย แต่กฎหมายคณะสงฆ์ต่างหาก
ผมขอเสนอว่า... | Facebook »
สุรพศ ทวีศักดิ์ wrote: ผมขอเสนอว่า... Join Facebook to connect with สุรพศ ทวีศักดิ์ and others you may know.
10 เทรนด์นโยบายแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นกับกรุงเทพมหานคร Agenda Bangkok -
http://www.siamintelligence.com/agenda-bangkok-which-ten-policies-trend/
http://www.siamintelligence.com/agenda-bangkok-which-ten-policies-trend/
10 เทรนด์นโยบายแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นกับกรุงเทพมหานคร Agenda Bangkok « Siam Intelligence10 เทรนด์นโยบายแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นกับกรุงเทพมหานคร Agenda Bangkok »
10 เทรนด์นโยบายที่จะช่วยกำหนดทิศทางให้กับกรุงเทพมหานคร ภายใต้ความร่วมมือระหว่างมูลนิธิฟรีดริช เนามัน ,Siam Intelligence Unit และ Noviscape Consulting Group ผ่านการวิเคราะห์โดยคุณพิเชฐ ยิ่งเกียรติคุณ 1...
Letters from Sukunya Prueksakasemsuk IV -https://thaipoliticalprisoners.wordpress.com/2012/12/24/letters-from-sukunya-prueksakasemsuk-iv/
Letters from Sukunya Prueksakasemsuk IV »
In an earlier post, PPT drew attention to the first letter from Sukunya Prueksakasemsuk to her husband, the imprisoned lese majeste political prisoner Somyos. Somyos has been jailed for almost 20 m......
Political test for a constitutional monarch? -https://thaipoliticalprisoners.wordpress.com/2012/12/24/political-test-for-a-constitutional-monarch/
Political test for a constitutional monarch? »
As we noted in a previous post, the Ministry of Defense has sacked Abhisit Vejjajiva, backdated to his sweet deal with the Army teaching at a military academy, allegedly for using faked documents i......
Status Update
By Tj Richy
ททท. บอกว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศเข้าไทยปีนี้ทะลุ 20 ล้านคนเป็นครั้งแรก! เป็นเพราะบ้านเมืองสงบ มีรบ. จากการเลือกตั้ง
https://www.facebook.com/tj.richy/posts/10200116878994545
By Tj Richy
ททท. บอกว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศเข้าไทยปีนี้ทะลุ 20 ล้านคนเป็นครั้งแรก! เป็นเพราะบ้านเมืองสงบ มีรบ. จากการเลือกตั้ง
https://www.facebook.com/tj.richy/posts/10200116878994545
No comments:
Post a Comment