KP Page
Jul 5, 2012 (edited) - Public
Pegasusfire Michael
น่าแปลกไหม อนุสาวรีย์หล่อตั้งแต่ปี 2480
ยุคพระยาพหลพลพยุหเสนา แต่กว่าจะได้ติดตั้งต้องใช้เวลาต่อสู้
กับกลุ่มอำมาตย์เก่าอยู่นานถึง 17 ปี มาสำเร็จเอาในปี พ.ศ.2497
ยุครัฐบาลจอมพล ป.พิบูลสงคราม และแม้จะทำพิธีเปิดอนุสาวรีย์
อย่างเป็นทางการไปแล้ว แต่ก็ยังไม่วายถูกขุนนางผู้ดีในยุคนั้น
ทั้งสายสถาปนิก นักวิจารณ์ศิลปะและสัตวแพทย์หลายท่าน
เอาชนะคะคานโจมตีในเรื่องไม่เป็นเรื่องของม้าทรง
เหตุเพราะม้ายืนตรง แต่กลับทำหางชี้สูงไม่ลู่ลง เหล่า "อีหลีด" โวยวาย
จนเป็นข่าวลงหนังสือพิมพ์หน้าหนึ่งหลายฉบับว่า เป็นม้าที่ดูอุบาทว์
ประดักประเดิด สี่ขายืนสงบนิ่งไม่ได้ทำท่ากระโจนสักนิด
แต่กลับยกหางสั่นเหมือนพวกขี้ครอกขึ้นวอ ท่าเช่นนี้เหมือนม้ากำลังจะขี้
(ขออภัย การตอบโต้ของอีหลีดยุคนั้นเขาใช้คำว่า" ขี้" ชัดเต็มปากเต็มคำ)
อาจารย์ศิลป์โดนรุมประณามว่ามั่วนิ่มนั่งเทียนปั้น
อันที่จริงแล้ว มิใช่ว่าอาจารย์ศิลป์จักไม่รู้เรื่องการวิภาคของม้าเลย
ตรงข้ามท่านให้ความสำคัญกับม้าทรงชิ้นนี้เสียยิ่งกว่างานปั้นชิ้นใด ๆ
ถึงกับลงทุนปีนนั่งร้านที่มีความสูงกว่าสามเมตรขึ้นไปปรับแต่งแก้ไขปั้นดิน
จนถึงพอกปูนทุกขั้นตอนในโรหล่อ หลังจากที่ให้ลูกศิษย์ช่วยกันหล่อปั้น
ตามแบบแล้ว เป็นเหตุให้ท่านพลัดตกลงมาจากนั่งร้านจนแขนขาหัก
ต้องเข้าเฝือกอยู่หลายเดือน
นอกจากนี้แล้ว อาจารย์ศิลป์ยั่งครุ่นคิดถึงเรื่องสายพันธุ์ของม้า
ว่าควรเป็นชนิดใด ต้องไม่ใช่ม้าอาหรับ ม้าออสเตรเลียหรือม้านอร์แมน
หากแต่ต้องเป็นม้าไทยเท่านั้น และเมื่อเป็นเป็นม้าไทย
อาจารย์ศิลป์ก็ต้องกำหนดส่วนสัดให้แตกต่างไปจากม้าเทศที่เคยศึกษามาจากยุโรป
ปัญหาก็คือ พวกที่วิจารณ์นั้นคือกลุ่มผู้ลากมากดีสยามที่ดูถูกชาวจีนว่า
เป็นต่างด้าว จึงจ้องแต่จะทับถมเกียรติภูมิของพระเจ้าตากสิน
ผ่านการกดหางม้าทรงไว้ มิให้เผยอผยองพองขน
อาจารย์ศิลป์จึงถูกบีบให้กลายเป็นหนังหน้าไฟไปโดยปริยาย
ความตั้งใจแรกของอาจารย์ศิลป์นั้น ท่านต้องการนิรมิตรม้าทรง
ของพระเจ้าตากในท่าผาดโผนโจนทะยานกำลังออกศึก
เชื่อกันว่า หากไม่โดนกระแหนะกระแหน คอยจิกคอยตอดเป็นระยะ ๆ
พระบรมราชานุสาวรีย์ของพระเจ้าตากสินนั้น คงจะต้องมีความงามสง่า
สมชายชาติอาชาไนย ดุจเดียวกับอนุสายรีย์ของพระเจ้านโปเลียนมหาราช
ที่กรุงปารีส หรือไม่ก็ต้องละม้ายกับรูปม้าทรงของจักรพรรดิทราจัน
แห่งกรุงโรม ณ ประเทศอิตาลี แผ่นดินมาตุภูมิของอาจารย์ศิลป์โน่นเทียว
ข้อมูลที่ได้รับการเปิดเผยจากเอกสารต่างชาติก็คือ เมื่อครั้งที่มีการจ้างวาน
ศิลปินชาวฝรั่งเศส หล่อพระบรมรูปทรงม้าของรัชกาลที่ 5 นั้น
ทางสยามต้องการให้ม้าทรงอยู่ในท่ายกขาหน้าเหมือนม้าของนโปเลียน
แต่ทางโรงหล่อที่ยุโรปแย้งกลับมาว่า ท่าม้าเผ่นผยอง
หรือยกขาหน้าตามธรรมเนียมสากลมีไว้สำหรับจักรพรรดิที่เป็นนักรบเท่านั้น
โรงหล่อกรุงปารีสมีความเห็นว่า รัชกาลที่ 5 ไม่ใช่กษัตรย์นักรบยกทัพ
ทำสงครามด้วยพระองค์เอง จึงไม่อาจสร้างรูปทรงม้าในท่าเผ่นโผน
ตอบสนองความต้องการของผู้จ้างได้ จึงปั้นในท่าขี่ม้าสงบนิ่งตามที่เราเห็น
แต่สำหรับพระเจ้าตากสินมหาราช อาจารย์ศิลป์ ท่านเป็นคนยุโรป
จึงย่อมเข้าใจเรื่องนี้ค่อนข้างดี เมื่อเริ่มต้นก็ได้ปั้นม้าผาดโผนโจน
ทะยานอย่างออกรสชาด แต่แล้วสุดท้ายอำนาจพิเศษบางอย่าง
ได้เข้ามากำกับ ไม่ต้องการให้มหาราชพระองค์นี้ดูโดดเด่นเกินหน้าเกินตา
พระบรมทรงม้าที่มีอยู่เดิม ทำให้ต้องแก้ไขพิมพ์เขียวของม้าทรงถึง 5 ครั้ง
เมื่อไม่สามารถบันดาลให้ม้าทรงยกขาหน้าได้ดังที่ควรจะเป็น
อาจารย์ศิลป์จึงแอบซ่อนรหัสนัยไว้ที่หางของมันให้ชี้ตระหวัดขึ้น
เป็นภาพของม้าที่อยู่ในอิริยาบถเคร่งเครียด พร้อมที่จะออกวิ่งทะยาน
อยู่ทุกขณะ รอแต่ว่าเมื่อไหร่องค์จอมทัพจักกระชับบังเหียนให้สัญญาณเท่านั้น
พลันม้าทรงก็พร้อมที่จะกระโจนไปข้างหน้าอย่างไม่รั้งรอ
ปากเผยอจนเห็นฟันและหางที่เป็นพวงชี้สูงนั้น นับว่าสอดคล้องแล้ว
กับความตื่นคะนองของม้าศึก อุปมาดั่งนักมวยหรือเสือที่กำลังจ้องจับเหยื่อ
มักเขม็งเกร็งกล้ามเนื้อ ย่อมดูมีพลังดุดันน่ากล่าวมากกว่า
เมื่อมันตะปบเหยื่อได้แล้ว เหล่าอีหลีดจึงไม่ควรมาแหย่หาเรื่องตัดหางม้าทิ้ง
เพื่อหล่อใหม่ แล้วให้ท่อนหางของมันลู่ลีบยืนจ๋องอย่างไร้ศักดิ์ไร้ศรี
ควรพึงสำเหนียกไว้ด้วยว่า ม้าทรงตัวนี้กำลังประกอบวีรกรรมกอบกู้ชาติ
หาใช่อนุสาวรีย์ของนายทัพที่นั่งผึ่งผายอยู่บนหลังม้า
เพื่อรับคำสรรเสริญพระบารมีอย่างกึกก้องจากฝูงชนที่คับคั่งตามท้องถนน
โห่ร้องต้อนรับผู้มีชัย ซึ่งม้าเหล่านั้นมักมีลักษณะสวยงาม
เหมือนม้าที่ฝึกในละครสัตว์
ภายใต้สภาวะที่ศิลปินถูกกดดันจาก "มือที่มองไม่เห็น"
หางม้าทรงจึงเป็นสัญลักษณ์เพียงหนึ่งเดียวที่ใช้เป็นเครื่องมือประกาศ
ยกย่องฤทธานุภาพและความสง่างามของพระเจ้าตากสินมหาราชอย่างสมบูรณ์แบบ
ที่มา จากคอลัมน์ "ปริศนาโบราณคดี" นิตยสารมติชนสุดสัปดาห์
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=245037552282867&set=a.113346208785336.13804.100003298721741
น่าแปลกไหม อนุสาวรีย์หล่อตั้งแต่ปี 2480
ยุคพระยาพหลพลพยุหเสนา แต่กว่าจะได้ติดตั้งต้องใช้เวลาต่อสู้
กับกลุ่มอำมาตย์เก่าอยู่นานถึง 17 ปี มาสำเร็จเอาในปี พ.ศ.2497
ยุครัฐบาลจอมพล ป.พิบูลสงคราม และแม้จะทำพิธีเปิดอนุสาวรีย์
อย่างเป็นทางการไปแล้ว แต่ก็ยังไม่วายถูกขุนนางผู้ดีในยุคนั้น
ทั้งสายสถาปนิก นักวิจารณ์ศิลปะและสัตวแพทย์หลายท่าน
เอาชนะคะคานโจมตีในเรื่องไม่เป็นเรื่องของม้าทรง
เหตุเพราะม้ายืนตรง แต่กลับทำหางชี้สูงไม่ลู่ลง เหล่า "อีหลีด" โวยวาย
จนเป็นข่าวลงหนังสือพิมพ์หน้าหนึ่งหลายฉบับว่า เป็นม้าที่ดูอุบาทว์
ประดักประเดิด สี่ขายืนสงบนิ่งไม่ได้ทำท่ากระโจนสักนิด
แต่กลับยกหางสั่นเหมือนพวกขี้ครอกขึ้นวอ ท่าเช่นนี้เหมือนม้ากำลังจะขี้
(ขออภัย การตอบโต้ของอีหลีดยุคนั้นเขาใช้คำว่า" ขี้" ชัดเต็มปากเต็มคำ)
อาจารย์ศิลป์โดนรุมประณามว่ามั่วนิ่มนั่งเทียนปั้น
อันที่จริงแล้ว มิใช่ว่าอาจารย์ศิลป์จักไม่รู้เรื่องการวิภาคของม้าเลย
ตรงข้ามท่านให้ความสำคัญกับม้าทรงชิ้นนี้เสียยิ่งกว่างานปั้นชิ้นใด ๆ
ถึงกับลงทุนปีนนั่งร้านที่มีความสูงกว่าสามเมตรขึ้นไปปรับแต่งแก้ไขปั้นดิน
จนถึงพอกปูนทุกขั้นตอนในโรหล่อ หลังจากที่ให้ลูกศิษย์ช่วยกันหล่อปั้น
ตามแบบแล้ว เป็นเหตุให้ท่านพลัดตกลงมาจากนั่งร้านจนแขนขาหัก
ต้องเข้าเฝือกอยู่หลายเดือน
นอกจากนี้แล้ว อาจารย์ศิลป์ยั่งครุ่นคิดถึงเรื่องสายพันธุ์ของม้า
ว่าควรเป็นชนิดใด ต้องไม่ใช่ม้าอาหรับ ม้าออสเตรเลียหรือม้านอร์แมน
หากแต่ต้องเป็นม้าไทยเท่านั้น และเมื่อเป็นเป็นม้าไทย
อาจารย์ศิลป์ก็ต้องกำหนดส่วนสัดให้แตกต่างไปจากม้าเทศที่เคยศึกษามาจากยุโรป
ปัญหาก็คือ พวกที่วิจารณ์นั้นคือกลุ่มผู้ลากมากดีสยามที่ดูถูกชาวจีนว่า
เป็นต่างด้าว จึงจ้องแต่จะทับถมเกียรติภูมิของพระเจ้าตากสิน
ผ่านการกดหางม้าทรงไว้ มิให้เผยอผยองพองขน
อาจารย์ศิลป์จึงถูกบีบให้กลายเป็นหนังหน้าไฟไปโดยปริยาย
ความตั้งใจแรกของอาจารย์ศิลป์นั้น ท่านต้องการนิรมิตรม้าทรง
ของพระเจ้าตากในท่าผาดโผนโจนทะยานกำลังออกศึก
เชื่อกันว่า หากไม่โดนกระแหนะกระแหน คอยจิกคอยตอดเป็นระยะ ๆ
พระบรมราชานุสาวรีย์ของพระเจ้าตากสินนั้น คงจะต้องมีความงามสง่า
สมชายชาติอาชาไนย ดุจเดียวกับอนุสายรีย์ของพระเจ้านโปเลียนมหาราช
ที่กรุงปารีส หรือไม่ก็ต้องละม้ายกับรูปม้าทรงของจักรพรรดิทราจัน
แห่งกรุงโรม ณ ประเทศอิตาลี แผ่นดินมาตุภูมิของอาจารย์ศิลป์โน่นเทียว
ข้อมูลที่ได้รับการเปิดเผยจากเอกสารต่างชาติก็คือ เมื่อครั้งที่มีการจ้างวาน
ศิลปินชาวฝรั่งเศส หล่อพระบรมรูปทรงม้าของรัชกาลที่ 5 นั้น
ทางสยามต้องการให้ม้าทรงอยู่ในท่ายกขาหน้าเหมือนม้าของนโปเลียน
แต่ทางโรงหล่อที่ยุโรปแย้งกลับมาว่า ท่าม้าเผ่นผยอง
หรือยกขาหน้าตามธรรมเนียมสากลมีไว้สำหรับจักรพรรดิที่เป็นนักรบเท่านั้น
โรงหล่อกรุงปารีสมีความเห็นว่า รัชกาลที่ 5 ไม่ใช่กษัตรย์นักรบยกทัพ
ทำสงครามด้วยพระองค์เอง จึงไม่อาจสร้างรูปทรงม้าในท่าเผ่นโผน
ตอบสนองความต้องการของผู้จ้างได้ จึงปั้นในท่าขี่ม้าสงบนิ่งตามที่เราเห็น
แต่สำหรับพระเจ้าตากสินมหาราช อาจารย์ศิลป์ ท่านเป็นคนยุโรป
จึงย่อมเข้าใจเรื่องนี้ค่อนข้างดี เมื่อเริ่มต้นก็ได้ปั้นม้าผาดโผนโจน
ทะยานอย่างออกรสชาด แต่แล้วสุดท้ายอำนาจพิเศษบางอย่าง
ได้เข้ามากำกับ ไม่ต้องการให้มหาราชพระองค์นี้ดูโดดเด่นเกินหน้าเกินตา
พระบรมทรงม้าที่มีอยู่เดิม ทำให้ต้องแก้ไขพิมพ์เขียวของม้าทรงถึง 5 ครั้ง
เมื่อไม่สามารถบันดาลให้ม้าทรงยกขาหน้าได้ดังที่ควรจะเป็น
อาจารย์ศิลป์จึงแอบซ่อนรหัสนัยไว้ที่หางของมันให้ชี้ตระหวัดขึ้น
เป็นภาพของม้าที่อยู่ในอิริยาบถเคร่งเครียด พร้อมที่จะออกวิ่งทะยาน
อยู่ทุกขณะ รอแต่ว่าเมื่อไหร่องค์จอมทัพจักกระชับบังเหียนให้สัญญาณเท่านั้น
พลันม้าทรงก็พร้อมที่จะกระโจนไปข้างหน้าอย่างไม่รั้งรอ
ปากเผยอจนเห็นฟันและหางที่เป็นพวงชี้สูงนั้น นับว่าสอดคล้องแล้ว
กับความตื่นคะนองของม้าศึก อุปมาดั่งนักมวยหรือเสือที่กำลังจ้องจับเหยื่อ
มักเขม็งเกร็งกล้ามเนื้อ ย่อมดูมีพลังดุดันน่ากล่าวมากกว่า
เมื่อมันตะปบเหยื่อได้แล้ว เหล่าอีหลีดจึงไม่ควรมาแหย่หาเรื่องตัดหางม้าทิ้ง
เพื่อหล่อใหม่ แล้วให้ท่อนหางของมันลู่ลีบยืนจ๋องอย่างไร้ศักดิ์ไร้ศรี
ควรพึงสำเหนียกไว้ด้วยว่า ม้าทรงตัวนี้กำลังประกอบวีรกรรมกอบกู้ชาติ
หาใช่อนุสาวรีย์ของนายทัพที่นั่งผึ่งผายอยู่บนหลังม้า
เพื่อรับคำสรรเสริญพระบารมีอย่างกึกก้องจากฝูงชนที่คับคั่งตามท้องถนน
โห่ร้องต้อนรับผู้มีชัย ซึ่งม้าเหล่านั้นมักมีลักษณะสวยงาม
เหมือนม้าที่ฝึกในละครสัตว์
ภายใต้สภาวะที่ศิลปินถูกกดดันจาก "มือที่มองไม่เห็น"
หางม้าทรงจึงเป็นสัญลักษณ์เพียงหนึ่งเดียวที่ใช้เป็นเครื่องมือประกาศ
ยกย่องฤทธานุภาพและความสง่างามของพระเจ้าตากสินมหาราชอย่างสมบูรณ์แบบ
ที่มา จากคอลัมน์ "ปริศนาโบราณคดี" นิตยสารมติชนสุดสัปดาห์
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=245037552282867&set=a.113346208785336.13804.100003298721741
KP Page
Jul 5, 2012 - Public
Virus Hand, Foot, Mouth Disease Found in Cambodia Outbreak -http://online.wsj.com/article/SB10001424052702303567704577515672007825712.html
Mystery disease kills 61 children in Cambodia -http://www.independent.co.uk/news/world/asia/mystery-disease-kills-61-children-in-cambodia-7912855.html
KP Page
Jul 5, 2012 (edited) - Public
BTS ส่วนต่อขยาย และรถไฟชานเมืองสายสีแดง ข่าวดีคนกรุงปลายปี 2555
สถานีโพธินิมิตร และสถานีตลาดพลู ส่วนสถานีวุฒากาศ และสถานีบางหว้านั้นจะไปเปิดในวันที่ 12 สิงหาคม 2556 โดยมีการเชื่อมต่อการเดินทางอย่างบูรณาการกับรถโดยสารด่วนพิเศษบีอาร์ทีสายสาทร-ราชพฤกษ์ ที่สถานีตลาดพลู
มีการเปิดใช้รถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ – ตลิ่งชัน ที่มีการก่อสร้างสถานีเสร็จก่อนหน้านี้แล้วและอยู่ระหว่างรอรถไฟมาวิ่ง การรถไฟแห่งประเทศไทย หรือ ร.ฟ.ท. จะนำรถไฟดีเซลมาวิ่งแก้ขัดไปก่อน ในช่วงปลายปี 2555 หลังจากเลื่อนมาตั้งแต่ เมษายนที่ผ่านมา
http://www.siamintelligence.com/bkk-new-transpottation/
สถานีโพธินิมิตร และสถานีตลาดพลู ส่วนสถานีวุฒากาศ และสถานีบางหว้านั้นจะไปเปิดในวันที่ 12 สิงหาคม 2556 โดยมีการเชื่อมต่อการเดินทางอย่างบูรณาการกับรถโดยสารด่วนพิเศษบีอาร์ทีสายสาทร-ราชพฤกษ์ ที่สถานีตลาดพลู
มีการเปิดใช้รถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ – ตลิ่งชัน ที่มีการก่อสร้างสถานีเสร็จก่อนหน้านี้แล้วและอยู่ระหว่างรอรถไฟมาวิ่ง การรถไฟแห่งประเทศไทย หรือ ร.ฟ.ท. จะนำรถไฟดีเซลมาวิ่งแก้ขัดไปก่อน ในช่วงปลายปี 2555 หลังจากเลื่อนมาตั้งแต่ เมษายนที่ผ่านมา
http://www.siamintelligence.com/bkk-new-transpottation/
KP Page
Jul 5, 2012 - Public
Thai E-News: 4กรกฎาเทพีเสรีภาพหลับไหลให้โจ กอร์ด้อน -http://thaienews.blogspot.com/2012/07/4.html
KP Page
Jul 5, 2012 - Public
ไทอาหมอัสสัมชม'ปู'ลุยช่วยน้ำท่วม
ชาวไทอาหมรัฐอัสสัมฉุนนายกฯอินเดียบินตรวจน้ำท่วมไม่ลงเยี่ยมชาวบ้าน เปรียบเทียบ"ยิ่งลักษณ์" ชมลุยช่วยคราวน้ำท่วมปี54
http://thaienews.blogspot.com/2012/07/blog-post_1636.html
ชาวไทอาหมรัฐอัสสัมฉุนนายกฯอินเดียบินตรวจน้ำท่วมไม่ลงเยี่ยมชาวบ้าน เปรียบเทียบ"ยิ่งลักษณ์" ชมลุยช่วยคราวน้ำท่วมปี54
http://thaienews.blogspot.com/2012/07/blog-post_1636.html
KP Page
Jul 5, 2012 - Public
80 ปีกับคำถามซ้ำๆ ซากๆ ของประชาธิปไตยไทย
Thu, 2012-07-05 18:33
ประวิตร โรจนพฤกษ์
http://www.prachatai.com/journal/2012/07/41400
Thu, 2012-07-05 18:33
ประวิตร โรจนพฤกษ์
http://www.prachatai.com/journal/2012/07/41400
KP Page
Jul 5, 2012 - Public
ทหารควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยคดีระเบิด ร.ร.ลีการ์เด้น | ประชาไท -http://prachatai.com/journal/2012/07/41405
KP Page
Jul 5, 2012 - Public
Communists for the monarchy and judiciary -https://thaipoliticalprisoners.wordpress.com/2012/07/04/communists-for-the-monarchy-and-judiciary/
KP Page
Jul 5, 2012 - Public
Updated: Birthday nonsense -https://thaipoliticalprisoners.wordpress.com/2012/07/05/birthday-nonsense/
KP Page
Jul 5, 2012 - Public
What are the chances of severe flooding in Thailand in 2012? |
http://asiancorrespondent.com/71348/what-are-the-chances-of-severe-flooding-in-thailand-in-2012/
http://asiancorrespondent.com/71348/what-are-the-chances-of-severe-flooding-in-thailand-in-2012/
KP Page
Jul 5, 2012 - Public
Chief Thaksin Advisor Now Yingluck's Guru -
http://www.asiasentinel.com/index.php?option=com_content&task=view&id=4661&Itemid=185
http://www.asiasentinel.com/index.php?option=com_content&task=view&id=4661&Itemid=185
No comments:
Post a Comment