2010-10-12

N.21ธ.ค.มาร์คพ้นเคราะห์

http://thaiinsider.info/2009news/column/interviews/9388-21- วันศุกร์ที่ 08 ตุลาคม 2010 เวลา 08:46 น.    พิมพ์ อีเมล
21ธ.ค.มาร์คพ้นเคราะห์ ปีหน้า-ปีความขัดแย้ง!!! เนวินยังไม่พร้อมแตกหัก ประยุทธ์ไม่ได้นั่งนายกฯ

อ.มาศ-ซินแสไฮเทค
กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ตกเป็น “ขี้ปาก” ให้ผู้คนหลากหลายวงการต่าง “เม้าท์แตก” กันมาก ถึงกรณีการปรับฮวงจุ้ยในทำเนียบรัฐบาล ซึ่งเป็นสถานที่ทำงานของ “นายกรัฐมนตรี” ที่ชื่อ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” หนุ่มหน้าหล่อ จบจากเมืองนอก เพราะเพียงแค่เดือนเดียวเท่านั้น ก็มีการปรับฮวงจุ้ย ปรับเปลี่ยนต้นไม้ถึง 2 ครั้ง 2 ครา ชนิดปลูกเข้า-ถอนออก...เพียงเพราะ “ความเชื่อ” ที่ว่า...ไม่เป็นผลดีกับ “ตัวเอง” และ “คนรอบข้าง”
เริ่มจาก 11 ก.ย. 2553 มีการปรับภูมิทัศน์ นำต้นปาล์มยะวา 70 ต้น ซึ่งเป็นพันธุ์ไม้จากอินโดนีเซีย นำเข้ามาปลูกกันตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 รวมถึงต้นไทรอังกฤษ อีกนับร้อยต้น โดยผู้กำกับการแสดงคือ “กอร์ปศักดิ์ สภาวสุ” เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ที่นำ “หมอดูฮวงจุ้ย-พงศ์กรณ์ เบญจนราสุทธิ์” เข้ามาดูแลการจัดวาง

แต่แล้ว 3 ต.ค. 2553 มีการสั่งให้รื้อถอนต้นปาล์มยะวา ออก 13 ต้น และต้นไทรอังกฤษอีก 33 ต้น...เป็นไปตามบัญชาของ “อ.หม่า-วรธนัท อัศกุลโกวิท” ปรมาจารย์ด้านฮวงจุ้ย ที่ว่ากันว่า “บิดา-มารดา” ของนายกรัฐมนตรี ให้ความเชื่อถือเป็นอย่างยิ่ง และก่อนหน้านี้ก็เป็นผู้เข้ามาแก้ฮวงจุ้ยทำเนียบฯ และพรรคประชาธิปัตย์มาก่อนหน้านี้แล้ว

“ภูมิธรรม เวชยชัย” อดีตรองเลขาธิการพรรคไทยรักไทย-คู่ปรับทางการเมือง ให้ทรรศนะแบบเจ็บแสบว่า...“ต้น ปาล์มหน้าทำเนียบฯ ถูกรื้อถอนเรียบร้อย ทั้งๆ ที่เพิ่งจัดเสร็จไม่ถึงเดือน...สะท้อนความขัดแย้ง ระหว่างหมอดูฮวงจุ้ยสายเลขานายกฯกับสายแม่นายกฯ โดยมีสนามหน้าตึกไทยคู่ฟ้า...เป็นสมรภูมิพิสูจน์ศักยภาพของแต่ละฝ่าย...น่า เห็นใจนายกฯ แค่เรื่องภูมิทัศน์ในที่ทำงานของตน ยังหาจุดลงตัวง่ายๆไม่ได้”

แม้แต่ "ท่าน ว. วชิรเมธี" ออกมาติติงว่า..." วันนี้เป็นเรื่องน่าเศร้าที่ประเทศไทย บริหารด้วยอะไรก็ไม่รู้...นายกรัฐมนตรี ซินแส หรือหมอดูกันแน่ ที่กำลังบริหารประเทศอยู่...ถ้ามีการเลือกตั้งครั้งหน้า ขอให้หัวหน้าพรรคแต่ละพรรค ระบุด้วยว่า จะมีใครเป็นซินแสประจำตัว...เป็นเรื่องเศร้าที่ค่านิยมในชาติวิปริตไป หมด..."

แต่ไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่...เพราะสังคมไทยยังมีความเชื่อในเรื่องเหล่านี้อยู่ ดังนั้นเพื่อถอดรหัส “ความเชื่อ” ที่ว่านี้ “ไทยอินไซเดอร์” จึงต้องพาไปพบกับ “อ.มาศ เคหาสน์ธรรม” เจ้าของฉายา “ซินแสไฮเทค” ผู้ซึ่งออกมาทำนายทายทักก่อนหน้านี้ว่า “จะ ยิ่งซวยมากขึ้น ทำให้ดวงตกอย่างหนักจนเหลือศูนย์ต้องเจอเคราะห์ กรรมอย่างหนักจะโดนถึง 3 เด้ง โดยเฉพาะดวงของนายอภิสิทธิ์และพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งเรื่องโดนลอบสังหารและสุขภาพ เรื่องยุบพรรคจนต้องยุบรัฐบาลและเรื่องระเบิดการเมืองที่จะรุนแรงขึ้น”

บรรทัดจากนี้ไป...โปรดใช้วิจารณญาณในการรับรู้...แต่อย่างที่บอก “ไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่” เพราะพิสูจน์มาแล้วว่า “ผู้นำไฮเทค” ยังเชื่อมาแล้ว!!!

Q : การออกมาวิพากษ์วิจารณ์ถึงการปรับฮวงจุ๊ยในทำเนียบรัฐบาล ที่มีการปลูกและรื้อถอนต้นไม้บางประเภทในภายหลัง จะส่งผลถึงการทำงานของนายกรัฐมนตรี อาจารย์มีหลักในการทำนายอย่างไร
A : คืออย่างนี้การที่ดูฮวงจุ๊ย เราจะต้องดูปัจจัยใหญ่ๆ 2 ประการ ปัจจัยแรกคือดูสนามพลังสิ่งแวดล้อม ให้มันมีรูปลักษณ์รูปทรงที่สะสะพลังงาน ก็คือเก็บลม เก็บกระแส คือสิ่งที่จับต้องได้ ตามองเห็น การไปปลูกต้นไม้ก็คือปัจจัยตัวนี้ พวกต้นไม้วิธีการออกแบบที่ถูก คือต้องดีไซน์ให้มันโค้งโปร่ง แต่ที่ผ่านมาปลูกเป็นโค้งเปิดออก ทำให้ไม่รับกระแส ไม่เก็บพลังงาน กับอีกปัจจัยก็คือปัจจัยเรื่องของการคำนวณว่า “พลังงานของกาลเวลา” คือ “ท้องฟ้า” กระทบยังไงกับ “สถานที่” เพราะ ว่าในแต่ละปี-แต่ละเดือน การที่โลกโคจรไปรอบพระอาทิตย์ 1 รอบ 365 วัน เราแบ่งเป็น 12 ช่วง คือ 12 เดือน เวลาโลกวิ่งผ่านพระอาทิตย์แต่ละองศาเราเรียกว่าเดือน ในเดือนก.ย.ที่ผ่านมาถึงวันที่ประมาณ 6 ต.ค. เราเรียกว่าเป็นเดือนระกา เป็นเดือนที่ 10 ในเดือนระกาเนี่ยพลังของโลกมันเข้าไปอยู่ในโซนตะวันตก ซึ่งพลังก็จะพุ่งชนกับทิศตะวันออก พอดีหน้าทำเนียบฯฝั่งที่เยื้องไปทางซ้ายที่เขาทำสวนและรื้อสวน มันเป็นทิศตะวันออกพอดี ซึ่งเท่ากับเป็นทิศร้ายประจำเดือน พลังงานของฟ้ากับพลังงานของสถานที่ขัดแย้งกัน เราเรียก “ฟ้า-ดินขัดแย้ง” คือสมัยโบราณเขาใช้ชื่อ “ฟ้ากับดิน” เพื่อให้ฟังดูแล้วขลัง แท้จริงเรื่องฟ้า-ดิน ก็เป็นเรื่อง Time และ Space พลังงานมันขัดแย้ง ณ จุดนั้น
ในเดือนที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ตอน เริ่มปลูกก็เดือนก.ย. คือเมื่อ 2-3 สัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งก็ไปรบกวนพลังมันครั้งหนึ่ง แล้วก็เกิดเรื่องร้ายๆขึ้นมา พ่อนายกฯก็เส้นเลือดตีบที่สมอง ทั้งที่ตัวเองเป็นหมอเกี่ยวกับสมอง รักษาด้านนี้โดยตรง ระเบิดก็มีมากขึ้น พรรคร่วมรัฐบาลอย่างคุณเนวิน (ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย) ก็ออกแอคชั่น จนกระทั่งนายกฯรับไม่ไหว ก็จะแตกกัน จะหักกัน ศาลก็จะตัดสินยุบพรรคประชาธิปัตย์ โดนหรือไม่โดน ข้างในเขาเยอะมาก จนข้างในเขารู้สึกผิดปกติแล้ว สุดท้ายเขาก็เลยตัดสินใจไปย้ายออกกัน โดยปรึกษาอาจารย์ท่านอื่น ไม่ได้มาปรึกษาผม ทำลงไปมันก็ยังอยู่ในเดือนเดิม การไปรื้อไปถอนมันก็ยิ่งเท่ากับไปเปิดแผลให้มันใหญ่ขึ้น เพราะว่าเวลารื้อถอนต่างๆ  ก็คือมีการกระเทือน ขุดดินทุกตารางนิ้วเพื่อเอาต้นไม้ออก มันก็จะมีการเคาะ การตอก การเจาะ การขุด เกิดแรงกระเทือนขึ้นมา

Q : การปรับฮวงจุ๊ยของทำเนียบฯในช่วงเวลานี้ จึงเป็นช่วงเดือนที่ไม่เหมาะ
A : การปรับเปลี่ยนถ้าไม่พิจารณาในเรื่องกาลเวลา คือ “พลังฟ้า” การไปปลูกต้นไม้ไม่ได้ถือว่าผิดอะไรรุนแรง แค่รูปทรงการปลูกผิด เพราะว่าต้นไม้ที่เหมาะที่จะปลูกที่ทำเนียบฯ จะต้องเป็นพุ่มแน่นๆอยู่ช่วงล่าง สูงระดับไม่เกิน 2 เมตร แล้วต้องออกแบบโค้งโอบเป็นวงกลม เพื่อให้เวลาที่ลมพัดมาปะทะแนวต้นไม้ให้มันหมุนเข้าเป็นค่ายกล หมุนเข้ามาสะสมตัวที่ทำเนียบฯ แต่ว่าที่เขาไปปลูกต้นปาล์มยะวา มันเป็นลักษณะข้างล่างโปร่ง แล้วไปสูงที่ข้างบน 6-7 เมตร เป็นพุ่มอยู่ข้างบนเท่ากับช่วงล่างเวลาลมพัดมามันไม่ช่วยเก็บลม มันไร้ประโยชน์ แต่ปัจจัยตัวนี้ส่อให้มันไม่ดี มันก็จะไม่ดีระยะยาว ไม่ใช่ไม่ดีหลังจากทำภายในอาทิตย์ 2 อาทิตย์ ส่วนที่ไม่ดีใน 2-3 อาทิตย์นี้ เป็นปัจจัยที่เกิดจากพลังงานของกาลเวลา คือ “ฟ้าขัดแย้งกับพลังงานของสถานที่” จะส่งผลเร็ว ส่งผลรุนแรง จะทำให้เกิดปัญหาทางคดีความกฎหมายที่รุนแรงกว่าเดิมอีกเยอะ ทะเลาะวิวาทถึงขั้นอาจจะแตกหักกัน

Q : การรื้อถอนต้นปาล์มยะวาออกในครั้งล่าสุด จะมีส่วนพอช่วยได้หรือไม่
A : ยิ่ง แย่กว่าเดิมไง เพราะมันยังอยู่ในเดือนเดิมนี่ ผมบอกว่าวันที่ประมาณ 6 ก.ย.-6 ต.ค. ตอนปลูกก็ปลูกในช่วงเดือน...ช่วงนี้ ตอนรื้อถอนก็รื้อถอนช่วงนี้ ก็แปลว่า รอบแรกไปผ่ามั่วๆจนแผลมันเหวอะแล้ว นี่รอบสองเห็นว่า...เอ้...รอบแรกผ่าผิด เหมือนไปศัลยกรรม ทำแล้วจมูกมันเบี้ยว คราวนี้รอบสองเล่นไปผ่าใหม่ คราวนี้ผ่ากันเองเลย แผลมันก็เลยยิ่งเหวอะกว่าเก่า ท่าทางจะเละกว่าเดิม

Q : การปรับฮวงจุ๊ยที่ผิดพลาด นอกจากจะกระทบกับตัวนายกฯโดยตรงแล้ว มีผลถึงคดียุบพรรคประชาธิปัตย์, แผนลอบสังหาร, การวางระเบิดป่วนเมืองด้วย

A : จริงๆ แล้วพลังงานไม่ได้เลือกว่า “ใครจะรับผล” แต่ว่าพลังยิงเข้าไปอยู่ที่วันนั้นชงกับบุคคลไหน ถ้าชงกับบุคคลไหน บุคคลนั้นจะเป็นคนรับ เขาไม่เฉพาะว่าใครเป็นเจ้าของสถานที่ หรือใครใหญ่ที่สุดในสถานที่ เพราะเหมือนกับลมพัดมา เขาไม่ได้แยกว่าจะพัดให้ใคร เพียงแต่ว่าซินแสที่เก่งจะคำนวณได้ว่า วันที่เขาสตาร์ทหรือเริ่มต้นนั้น เป็นวันที่เท่าไหร่ แล้วพลังงานของจักรวาลในวันนั้นวิ่งไปปะทะกับวัน-เดือน-ปีเกิดของใคร เพราะวัน-เดือน-ปีเกิด มันก็คำนวณจากวงโคจรที่ตอนเราเกิด วงโคจรของดาว ของพระอาทิตย์ ของกาลเวลาเหมือนกัน Base (พื้นฐาน) มัน Base เดียวกัน กาลเวลาปัจจุบันมีผลอย่างไรกับกาลเวลาที่คุณปะจุพลังตอนเกิด แต่ด้วยความที่ผมไม่ได้รู้ฤกษ์ร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะว่าเขาลงมือกันรอบแรก ผมยังไม่ทราบว่ากี่โมง แต่พอรอบหลังตอนที่ไปลงมือทำสตาร์ทแล้วบังเอิญฝนตก แล้ววันรุ่งขึ้นมันเป็นวันจอ มันชงกับดวงนายกฯที่เกิดปีมะโรง

Q : วิธีการแก้ไขที่อาจารย์แนะนำนายกฯงดเข้าทำเนียบฯ ให้ไปทำงานที่อื่นพอช่วยแก้ดวงได้
A : ครับ...คือถ้าสมมติว่าตัวนายกฯไม่อยู่ ก็จะยังไม่ได้รับพลังงานร้ายของสถานที่นั้นเพิ่มเติม รับไปรอบแรกจะมีผลกระทบไปอยู่ประมาณ 3 เรื่อง ถ้ากลับมาก่อนในวันที่ 6 ต.ค.นี้ก็จะไปรับพลังเพิ่มอีก 3 เรื่อง จะเกิดเรื่องร้ายอีก 3 เรื่อง ฉะนั้นถ้ากลับมาไม่เข้าทำเนียบฯเลย ก็จะไม่ได้รับพลังร้ายตรงนี้ แล้วก็ต้องหาฤกษ์วันที่พลังงานดีไปล้างพลังที่ไม่ดีของทิศนี้ออกไปก่อนสัก ครั้งหนึ่ง แล้วท่านนายกฯอยากจะกลับเข้ามานั่งก็พออนุโลมนั่งได้ในวันที่ดี แต่ถ้าเป็นไปได้ ก็ไปหาที่อื่นนั่งที่พลังงานดีกว่า

“เพราะ ตัวทำเนียบฯเอง ตัวชัยภูมิก็ไม่ถูกต้อง เพราะทิศด้านหลังของทำเนียบฯมันเป็นตัวยู มันแหว่งข้างหลังแหว่งที่ก้น ซึ่งด้านหลังเขาเอาไว้ดูเกี่ยวกับเรื่องอำนาจ คนส่งเสริมสนับสนุนที่แบ็คอัพอยู่ข้างหลัง เพราะฉะนั้น ถ้าทำเนียบฯแหว่งหลัง ก็แปลว่าฐานอำนาจไม่มั่นคง ซึ่งนายกฯเป็นตำแหน่งสูงสุดของประเทศจะต้องฐานอำนาจมั่นคง ก้นแหว่งก็เลย...โอกาสจะอยู่ครบยก...นี่ยาก คุณก็สังเกตดูนายกฯทุก คนของประเทศไทยที่นั่งทำงานที่ทำเนียบฯนี้ ล้วนแล้วแต่อยู่ไม่ครบเทอม ที่อยู่ครบสมัยป๋าเปรม (พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ) ก็ไม่ได้นั่งทำงานที่นี่ ท่านก็ไปอยู่บ้านพิษณุโลก 8 ปี 2 สมัย, คุณทักษิณ (ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี) ตอนสมัยแรกที่อยู่ครบ ท่านก็ไปนั่งทำงานอยู่บ้านพิษฯ พอสมัยที่ 2 ย้ายกลับมานั่งที่นี่ ก็อยู่ไม่ครบเหมือนเดิม

Q : 3 เรื่องแรกที่นายกฯประสบคือเรื่องลอบสังหาร, ยุบพรรคและระเบิดป่วนเมือง ส่วนอีก 3 เรื่องที่นายกฯอาจประสบเพิ่มหากยังกลับมานั่งทำงานที่ทำเนียบฯคือเรื่องอะไร
A : ก็ 3 เรื่องก็จะคล้ายๆเดิม แต่จะกระทบต่อตัวนายกฯโดยตรง คือ “สุขภาพ นายกฯ” ก็จะมีปัญหา  “เหตุลอบสังหาร” ก็จะรุนแรงขึ้น คราวนี้จะใกล้ตัว จะโดนเป้าหมายได้ง่ายขึ้น แล้วแถมจะเกิดเหตุร้ายใหญ่ๆที่ตัวทำเนียบฯเองด้วย อย่างเช่นอาจจะเกิดไฟไหม้ขึ้นมาในทำเนียบฯ เกิดระเบิดขึ้นมา อะไรต่างๆเหล่านี้

Q : การแก้เคล็ดนายกฯต้องไปนั่งทำงานที่ไหน???
A : ถ้า เป็นไปได้ ก็ไปหาหน่วยงานที่อยู่ริมน้ำนั่ง คร่าวๆเท่าที่เช็คดู น่าจะเป็นกระทรวงพาณิชย์หรือเปล่า ไม่แน่ใจที่อยู่ริมน้ำ เพราะนายกฯเป็นคนธาตุไม้ ดวงธาตุไม้...ข้อดีก็คือให้ร่ม ให้เงา ให้อาหาร ให้ดอก ให้ผลกับสัตว์อื่นๆ คือเป็นคนที่เกิดมาเพื่อรับใช้ประชาชน รับใช้คนหมู่มาก และต้นไม้ให้ดอกให้ผล ให้ร่ม ให้เงา ให้นก ให้สัตว์อยู่ โดยที่ไม่เรียกร้อง ตรงนี้ก็ดีเหมาะที่จะเป็นนักการเมืองมาช่วยเหลือประชาชน แต่ว่าต้นไม้จะโตได้ ต้องมีธาตุน้ำช่วย ซึ่งน้ำหาได้ 2 อย่างก็คือ หาจากพลังฟ้าที่เป็นธาตุน้ำ แต่ปีนี้มันไม่ใช่ ปีนี้มันปีขาล ขาลเป็นธาตุไม้ เพราะฉะนั้น ไม้กับไม้คือคู่แข่งกัน นายกฯปีนี้จึงได้เจอคู่แข่งที่หนักหน่วง รุนแรง ซึ่งผมเคยทายไว้ตั้งแต่ปีที่แล้วว่า ปีนี้เป็นปีที่ร้ายที่สุดในรอบหลายๆสิบปีของนายกฯ

Q : ถ้านายกฯสามารถผ่านพ้นหลังวันที่ 6 ต.ค.ไปได้ สถานการณ์ต่างๆจะดีขึ้นด้วย
A : ไม่ใช่ครับ...ผ่านวันที่ 6 ก.ย.-6 ต.ค.นั้น พลังร้ายจะออกจากบริเวณด้านหน้าของสวน ยังไม่ได้บอกว่าดวงนายกฯจะพ้น ดวงนายกฯจะพ้นต้องวันที่ 21 ธ.ค.

Q : ดวงนายกฯจะต้องเจอปัญหาและอุปสรรคไปจนถึงวันที่ 21 ธ.ค.
A : ใช่...โดยเดือนตุลาฯหลังวันที่ 6 จะเป็นช่วงซวยสุด 6 ต.ค.ไปจนถึง 7 พ.ย.เป็นช่วงซวยสุด แล้วหลังจากนั้นจะผ่อนลง แล้วผ่านพ้นจริงๆ ก็คือวันที่ 21 ธ.ค. ในภาษาฝรั่งเราเรียกวัน Winter Solstice เป็นวันที่กลางวันสั้นที่สุด อากาศหนาวเย็นที่สุด เพราะเป็นวันที่แกนโลกเอียงห่างจากพระอาทิตย์มากที่สุด ซึ่งเรียกว่าเป็นวันกลางฤดูหนาว หรือวันปีใหม่ในทางฮวงจุ๊ยที่แท้จริง คือวันนั้นโลกวิ่งไปครบรอบ 1 ปี พอดี แล้วหลังจากวันนั้นจะเริ่มสวิงเข้าหาพระอาทิตย์อีกรอบหนึ่ง เรียกว่าเป็นปีใหม่ ปีเถาะจะเริ่มที่ตรงนั้น

Q : ในช่วงเดือนต.ค.จะมีการตัดสินคดีสำคัญ เกี่ยวกับการยุบพรรคประชาธิปัตย์ การกระทำของนายกฯจะส่งผลโดยตรงถึงคดีดังกล่าว
A : ก็พลังปะจุไปในตัว แล้วในช่วง 2-3 อาทิตย์ที่ผ่านมาไง ไปขุดต้นไม้ คือการที่ผมตรวจสอบเช็คดู ฤกษ์ยามที่ซินแสที่ดูให้นายกฯใช้เนี่ย เป็นฤกษ์ตามปฏิทินของจีน เป็นปฏิทินฉีกๆที่ชาวบ้านเขาแขวนกัน จะฉีกวันละแผ่นๆ ฤกษ์อันนั้นเราเรียก “วันธงชัย” พวก วันประเภทเหล่านั้นมันคำนวณจากระบบกลุ่ม 28 ดาวฤกษ์ หลักการว่าแต่ละวันๆ ช่วงกลางคืนที่พระจันทร์ขึ้นมา หันไปพบกับดาวฤกษ์กลุ่มไหน เพราะเราแบ่งท้องฟ้าออกเป็น 28 ดาว 28 กลุ่ม ซึ่งเราจะสมมติว่า 1 กลุ่ม จะส่งพลังงาน พอเวลาที่มันไปอยู่ในแนวเดียวกับพระจันทร์ แนวเดียวกับโลก มาก็จะส่งพลังงานมากระทบทำให้เกิดเหตุการณ์อะไรต่างๆขึ้นมา แต่ด้วยความที่พระจันทร์หมุนรอบโลก รอบละ 27 วันกว่า ไม่ใช่ 28 วันเป๊ะ ฉะนั้นพอหมุนสะสมๆไปหลายร้อยปี ดาวกับทิศของพระจันทร์มันจะเพี้ยน

ซึ่ง รอบล่าสุดที่เขามีการปรับกันให้ตรง รอบที่แล้วคือเมื่อ 200 ปีที่แล้ว ตรงกับรัชกาลที่ 1 สมัยเฉียนหลงฮ่องเต้ ที่ฝรั่งเริ่มเข้ามาเมืองจีนเยอะ แล้วฝรั่งเอาความรู้ทางวิทยาศาสตร์ ดาราศาสตร์มาพรีเซนต์ เฉียนหลงก็อยากรู้ว่าใครเจ๋งกว่ากัน ระหว่างระบบจีนกับระบบฝรั่ง ก็ไปเชิญซินแสจีนมาแข่งคำนวณดาวบนท้องฟ้าแข่งกัน ปรากฏว่าซินแสจีนแพ้ เพราะว่าคำนวณออกมาแล้วไม่ตรง เฉียนหลงเสียหน้า เฉียนหลงก็สั่งตัดหัว แล้วก็ขอให้ซินแสสำนักอื่นที่เหลือ มาทำงานร่วมกับฝรั่งตรวจสอบองศาดาวจริง แล้วก็อัพเกรดปฏิทินในช่วงนั้น แต่ว่าจากตรงนั้นมาตรงนี้ 200 ปี ยังไม่เคยมีใครอัพเดทอีกครั้งเลย ปฏิทินที่เราใช้กันอยู่เป็นปฏิทินผิดๆ ปฏิทินวันธงชัยที่ฉีกอยู่เนี่ย วันไหนวันธงชัย มันไม่ค่อยธงชัยแล้ว คุณลองสังเกตุดูสิ วันธงชัยมีคนตายมั๊ย วันอุบาทว์มีคนถูกหวยมั๊ย ทุกวันเนี่ย “ดีก็ได้-ร้ายก็ได้” มันต้องดูว่าวันนั้นเข้า กับสถานที่ไหน เข้ากับบุคคลไหน และฟ้าเข้ากับดินหรือไม่ เข้ากับคนหรือเปล่า นี่คือหลักการดูที่ถูกต้อง ต้อง 3 ปัจจัย “ฟ้า-คน-ดิน” เราไม่อาจที่จะละเลยปัจจัยใด ปัจจัยหนึ่งได้

Q : หลัง 21 ธ.ค.เรียกว่านายกฯดวงจะดีขึ้น แล้วบ้านเมืองจะดีขึ้นด้วยหรือไม่
A : ดวง นายกฯส่วนตัว ถ้าหลังวันที่ 21 ธ.ค. ไป เขาจะเริ่มรับพลังงานที่แข็งแกร่งมากขึ้น ก็จะทำให้จัดการกับปัญหาได้ดีขึ้น จัดการปัญหาได้ถูกต้องมากขึ้น แต่ว่าเหตุการณ์บ้านเมืองถามว่าจะดีขึ้นมั๊ย บอกว่าไม่ดี ยังรุนแรงและทะเลาะกันหนักกว่าเก่าอีก (หัวเราะ)

Q : ถ้านายกฯสามารถฝ่าวิกฤตไปจนถึงวันที่ 21 ธ.ค.ได้ มีแนวโน้มว่ายุบพรรคประชาธิปัตย์อาจไม่เกิดขึ้น
A : ถ้า สามารถยื้อ (คดี) ไปหลัง 21 ธ.ค.ได้ จะสามารถหาตัวช่วยให้พรรคไม่โดนยุบได้ เพราะว่าการตัดสิน ศาลท่านก็คือบุคคล ถ้าเราสามารถหาเหตุผลใหม่ มีหลักฐานใหม่มายื่นต่อท่านได้ ซึ่ง...ถ้าหลังวันที่ 21 ธ.ค.ทำให้สถานการณ์ มันกระตุ้น ทำให้นายกฯและคนรอบข้างสามารถหาเหตุผล ช่องว่างมาอธิบาย มายื่นต่อศาลได้ หาคนที่น่าเชื่อถือมาช่วยสนับสนุนได้ คำตัดสินก็สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามหลักฐานข้อเท็จจริง

Q : ตามดวงของพรรคประชาธิปัตย์จะถูกยุบพรรคหรือไม่

A : ประ ชาธิปัตย์ในเดือนต.ค.นี้ เป็นเดือนที่ตกต่ำที่สุด ผ่านต.ค. พ.ย. ก็จะดีขึ้น ธ.ค.ยิ่งดีขึ้นอีก เพราะฉะนั้น ขอให้ผ่านเดือนร้ายๆ เดือนนี้ไปก่อน ถ้าไม่ผ่านเดือนนี้...ก็เรื่องใหญ่

Q : 4 เดือนสุดท้ายของปี ตั้งแต่ก.ย.-ธ.ค. ถือเป็นช่วงวิกฤตสำหรับรัฐบาลด้วย
A : ถูกต้องครับ เพราะมันเป็นปีที่เลวร้ายที่สุดของพรรคประชาธิปัตย์นับแต่ก่อตั้งมา ซึ่งยังไม่เคยเจอร้ายขนาดนี้มาก่อน ปัญหาก็คือพรรคไม่ตาย-คนก็ตาย

Q : ดวงอภิสิทธิ์ (เวชชาชีวะ นายกฯ) ดวงเนวิน และดวงทักษิณ เทียบกันแล้ว ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง???
A : “เน วิน” ดวงเป็นธาตุไม้เหมือนกับนายกฯเลย แต่ว่าเป็นไม้คนละแบบ นายกฯเป็นไม้ในสวน คุณเนวินเป็นไม้ในป่า 2 ไม้ เวลาร่วมกันช่วยกัน ก็จะยิ่งดี แต่ว่าเมื่อไหร่ขัดกัน ก็จะยิ่งเสื่อม มันก็กลายเป็นคู่แข่งกันที่รุนแรงไง เพราะต้นไม้กับต้นไม้มันกินดินทั้งคู่ ต้องการปุ๋ยประเภทเดียวกัน

Q : ดวงนายกฯกับเนวิน...ยังไปด้วยกันได้อยู่
A : เออ...ปี หน้าเนี่ย ปีหน้าสถานการณ์จะถึงขั้นแตกหักนะ เพราะว่าปีหน้า “ไม้ทั้งคู่” จะเริ่มมีสภาพเหมือนกับว่า “เริ่มไม่มั่นคงในตัวเอง” คือมีด หรือขวาน หรือเลื่อยไปสับโดน ต่างคนต่างยื่นเลื่อยยื่นขวานไปสับกันและกัน เพราะฉะนั้นปีหน้าเป็นปีที่จะต้องแตกหักแล้ว ระหว่างนายกฯกับคุณเนวิน

Q : ถึงขนาดเขี่ยพรรคภูมิใจไทยพ้นรัฐบาลหรือไม่
A : เขา (เนวิน) ยังไม่พร้อมที่จะแตกหักแบบ 100% หรอก ถามว่าคุณเนวินถ้าตอนนี้แตกออกไป...ไปเป็นฝ่ายค้าน โปรเจ็กต์ต่างๆที่แกเซ็ตไว้เพื่อหวังผลประโยชน์บางอย่าง ก็อาจจะยังไม่ได้เต็มที่ เขายังไง...เขาต้องพยายามรักษาสภาพอยู่ในนั้น ให้ได้ก่อน ต้องรอให้โปรเจ็กต์ออกดอกออกผลก่อน แล้วจะได้มีงบประมาณรองรับสำหรับการเลือกตั้ง

Q : ภูมิใจไทยไม่ถูกเขี่ยทิ้ง แต่ความคิดที่แตกต่างระหว่างนายกฯกับเนวิน จะมีความชัดเจนมากขึ้น
A : ใช่...แอ็คติ้งก็มากขึ้น ต่างคนต่างเจ็บงานนี้ มันชนกัน ยันกันขึ้นเวทีชนกันตรงๆแล้วตอนนี้

Q : แปลว่า “ดวงเนวิน” เป็นอุปสรรคต่อการทำงานของรัฐบาล
A : งานนี้ไม่ใช่ดวงคุณเนวิน งานนี้คือดวงประเทศ “พลังฟ้า” ประเทศไทยเนี่ยคุณสังเกตมั๊ยกรุงเทพฯเรานี่เป็นแม่น้ำ 4 สายมารวมเป็นหนึ่ง “ปิง-วัง-ยม-น่าน” จึงได้ทำให้เมืองไทยมี 4 เมืองหลวง 4 ราชวงศ์ จากสุโขทัย มาอยุธยา มาถึงธนบุรีและรัตนโกสินทร์ “ปิง-วัง-ยม-น่าน” มารวมกัน แต่พอมาถึงเจ้าพระยา มันแตกเปิดปากออกเป็น 2 ซีก อ้าปากเปิดออกตรงปากน้ำ มันเลยทำให้คนมีความคิดแบ่งแยกเป็น 2 ฝัก 2 ฝ่าย แล้วในปีที่ผ่านมา ในช่วงที่ผ่านมา มีการก่อสร้างเขื่อนจากเมืองจีน เลยทำให้น้ำ “ปิง-วัง-ยม-น่าน” ของเรา ซึ่งมีส่วนจากเมืองจีนไหลมาสมทบ เอาพลังไม่ดีจากข้างบนไหลลงมากระแทกใส่คนทั้งเมือง เพราะว่าปีนี้ทิศเหนือเป็นทิศร้ายประจำปี ปีนี้ปีขาล พลังงานของขาลขัดแย้งกับทิศเหนือของปี เดือนก.ย.ขัดแย้งทางทิศตะวันออก พลังงานมีคู่ขัดแย้ง คือขั้วไฟฟ้าขั้วบวก-ขั้วลบ ของปี-ของเดือน-ของวัน ของยาม 4 หลัก ของปีเนี่ย ปีนี้ขั้วพลังงานขัดแย้งกันอยู่ทิศเหนือ เมืองจีนเขาดันก่อสร้างเขื่อนทางทิศเหนือ เวลาน้ำไหลจากเขื่อนก็เอาพลังแรงสะเทือนจากทิศเหนือ ซึ่งเป็นพลังไม่ดีไหลลงมาใส่คนในประเทศไทย ซึ่งมันจะจบก็ 21 ธ.ค.

Q : ดวงทักษิณเป็นอย่างไรในช่วงนี้ หลังเก็บตัวเงียบไม่ค่อยออกมาแสดงความเห็นทางการเมืองในระยะหลัง
A : “ทักษิณ” ดวงเขาเป็นคนธาตุไฟ เมื่อ 6-7 ปีที่แล้วผมเคยทายว่า จะไม่มีบ้านอยู่ ไม่มีบ้านจะอยู่ ไม่มีคนเชื่อ แต่มีคนทายบอกแกไว้ก่อนล่วงหน้า 2-3 คนนะ คุณทราบมั๊ยที่แกไปจัดทัวร์นกขมิ้น แท้จริงคือแกจะทำแก้เคล็ด-แก้ดวง ว่าเหมือนไม่มีบ้านจะอยู่แล้วนะ ค่ำไหนนอนนั่นเหมือนนกขมิ้น แก้เคล็ดแต่ไม่ถูก เพราะว่าคุณแก้เคล็ดยังไง (ในเรื่อง) “เวลา”...ไม่ว่าคุณแอ็คติ้งแบบไหน เวลาที่ดาว พระอาทิตย์มันเปลี่ยนวงโคจรมาถึงปีนั้น มันก็ยังเป็นปีนั้นอยู่ อย่างปีนี้เป็นปีขาล ไม่ว่าคุณจะแอ็คชั่นแบบไหน ดาวมันไม่ได้เปลี่ยนวงโคจรนี่ ยังขาลเหมือนเดิม คุณไปทำบุญ 1 ล้านวัด มันก็ไม่ทำให้ดาวเปลี่ยนวงโคจร คุณไปปล่อยปลา 1 ล้านตัว ก็ไม่ทำให้ดาวเปลี่ยนวงโคจร ปีนี้ปีขาลเปลี่ยนให้เป็นปีเถาะเร็วขึ้นสัก 1 นาทีได้มั๊ย ไม่ได้...ถูกมั๊ยครับ ก็คือเราเข้าใจทฤษฎีผิดไง หมอดูที่ทายให้เขา อาจจะทายเก่งบอกเขาล่วงหน้าได้ว่า วันหลังเขาจะไม่มีแผ่นดิน ไม่มีบ้านเมืองจะอยู่ แต่วิธีการที่เขาแนะนำในการแก้ มันเป็นเชิงไสยศาสตร์ เชิงสัญลักษณ์ มันเลยแก้กันผิด

“ตอน นี้ดวงคุณทักษิณเป็นช่วงชีวิตที่ไม่ดี ก็คือช่วงอายุ 61-66 มันล้มฐานเดือน ฐานเดือนคือฐานงานการ ฐานเดือนโดนล้มก็คืองานการเสียหาย เสียสภาพ ถึงได้โดนเปลี่ยนแปลงต่างๆพวกนี้”

Q : แม้จะส่งลูกสมุนทั้งพรรคเพื่อไทย กลุ่มคนเสื้อแดง รวมถึงสมาชิกบ้านเลขที่ 111 และ 109 ก็ไม่ได้ช่วยอะไร ไม่มีผลให้มีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล
A : ครับ...ปัจจุบัน คุณทักษิณไม่ว่าจะเคลื่อนไหวแบบไหน มันก็ไม่ได้ส่งผลต่อรัฐบาลโดยตรง ไม่สามารถถึงขั้นล้มรัฐบาลได้โดยตรง เพราะช่วงนี้เป็นช่วงดวงแกอ่อน แต่จะทำให้อีกฝ่ายหนึ่งวุ่นวายปั่นป่วนเท่านั้นแหล่ะ ทำให้ดูเหมือนว่าสถานการณ์ไม่มั่นคง ควบคุมสถานการณ์ต่างๆไม่ได้ จนประชาชนชาวบ้านไม่พอใจ พอถึงวันเลือกตั้งจะได้ไม่เอาแล้วคนนี้ คุมไม่อยู่ คุมไม่ไหว ต้องเลือกอีกฝ่ายถึงจะสงบ เกมเขาคงไปแนวนั้น

Q : ดวงพรรคเพื่อไทย มีโอกาสพลิกขั้วกลับมาเป็นรัฐบาลได้หรือไม่ โดยเฉพาะในปีหน้า
A : ในปีหน้าหลังจากเลือกตั้งเสร็จ จะไม่มีใครได้คะแนนเสียงเด็ดขาดอีกแล้ว แล้วก็จะทำให้ 2 ฝ่ายขัดแย้งรุนแรงกว่าเดิม ปีหน้าเป็นปีแห่งความขัดแย้งที่รุนแรงอีกปี แต่ขัดแย้งเปลี่ยนรูปแบบไป

Q : คือไม่ใช่ม็อบเสื้อสี...ออกมาชุมนุม
A : คือชุมนุมประเทศไทยหนีไม่พ้นหรอก เพราะประเทศไทยเราเสรีจนไร้ขอบเขต ประเทศอื่นเขาจะมาชุมนุม คุณเห็นสิงคโปร์ เห็นอเมริกา ใครออกมาชุมนุมกันมั๊ย ไม่ค่อยมี เพราะถ้าจะชุมนุมก็ชุมนุมให้อยู่ในขอบในเขต แต่ปัจจุบันชุมนุมแล้วใครอยากจะทำอะไรก็ได้ ตำรวจก็ไม่กล้าจับ ทหาร...คือถ้าไม่มีแรงเชียร์ ทั้งเชียร์ ทั้งด่าเป็นสิบๆรอบก็ไม่ออกมาจัดการ เป็นเมืองนอกออกมาวันเดียวเขาก็ซัดแล้ว คือ “คนส่วนน้อย” ทำให้ “คนส่วนใหญ่” เดือดร้อน...มันไม่ถูก

Q : ดวงเสธ.หนั่น (พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกฯ) กับการเป็นผู้ผลักดัน เดินเกมปรองดองจะสำเร็จหรือไม่ และดวงจะมีโอกาสได้นั่งเก้าอี้นายกฯตามที่มีหลายฝ่ายออกมาวิพากษ์วิจารณ์ หรือไม่
A : ตอนนี้โหงวเฮ้งของเสธ.หนั่นเพิ่งจะผ่านเคราะห์นี่ พ้นเคราะห์ เขาติดเคราะห์มาหลายปี ตอนนี้ผ่านเคราะห์ โหงวเฮ้งเสธ.หนั่น เขาเรียกว่าเป็นโหงวเฮ้งธาตุไฟ เป็นโหงวเฮ้งของมือประสานให้ความกระจ่าง ให้ความสว่าง ให้วิสัยทัศน์คน เสธ.หนั่นเกิดวันที่ 7 ก.ย. (ช่วงนี้เปิดตำราประกอบการดูดวงเสธ.) ปีหน้าปีเถาะส่งผลดีกับดวงเสธ.หนั่น เป็นดวงฟ้าเปิด ได้ตำแหน่งได้ยศศักดิ์ แต่ว่าไม่ถึงขั้นตำแหน่งนายกฯ เรื่องทำงานปรองดองก็ดี เพราะปีนี้กับปีหน้าจะเป็นช่วงที่จังหวะเปลี่ยนแปลง เขาจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ฉะนั้นการออกแอ็คชั่นเขาจะถูกจังหวะ ถูกโอกาสได้ดี เพราะเขาออกแรงช่วยประเทศทำให้เกิดการปรองดองได้ มันก็มีประโยชน์ แต่ฟ้ากำหนดมาแล้วนี่ว่า ปีหน้าเป็นปีแห่งความวุ่นวายของประเทศ

Q : ฉะนั้นแผนปรองดองที่เสธ.หนั่นผลักดัน ก็อาจไม่สำเร็จ ถ้าดูจากดวงประเทศ
A : ครับ...เรียกว่า “แผนปรองดอง” มีส่วนช่วยให้ภาพรวมแล้วหาจุดร่วมให้กันได้ดีขึ้นเท่านั้นเอง แต่ยังไม่สามารถที่จะเกิดเป็นรูปธรรมจริงจังได้ มันจะช่วยได้แค่มีส่วนร่วมในการปรองดองกันบางประเด็น แต่ประเด็นส่วนใหญ่ยังไม่สามารถเกิดความปรองดองได้

Q : มีโหรบางสำนัก รวมถึงนักการเมืองบางคนออกมาทำนายว่า ในช่วง 1-2 เดือนนี้จะเกิดวิกฤตในประเทศ ซึ่งตรงกับที่อาจารย์ทำนาย ผลพวงจะถึงขั้นทำให้เกิดการนองเลือดหรือไม่
A : เดือน ต.ค. เป็นเดือนที่มันเลวร้ายที่สุด สังเกตนะ...ทุกปีประเทศไทยมีปัญหามีแต่เดือนต.ค.ทั้งนั้น 70-80% 14 ตุลาฯบ้าง 6 ตุลาฯบ้าง ทุกครั้งจะเกี่ยวกับเดือนต.ค. เพราะเป็นเดือนจอ จอเป็นพลังดินระเบิด เพราะฉะนั้น...ดินระเบิดลงจะไปหวังให้มันสงบ...ไม่ใช่ง่าย ประเทศไทยวุ่นวายก็คือช่วงที่พลังระเบิดมากระทบ โอกาสจะถึงขั้นนองเลือดมั๊ย...ไม่ถึงหรอก เป็นแค่วุ่นสุดๆ ไม่ถึงขั้นนองเลือด

Q : มีดวงถึงขั้นจะเกิดการปฏิวัติหรือไม่
A : “ไม่ มี” เพราะเที่ยวนี้ “พลังฟ้า” ไม่เกี่ยวข้องกับการปฏิวัติเลยทั้งสิ้น “ฟ้าปีนี้” คือเรื่องของวิบัติวุ่นวาย เกี่ยวกับพวกไฟ พวกระเบิด แต่ไม่เกี่ยวกับปฏิวัติเลย ไม่เกี่ยวเรื่องอำนาจ

Q : มีการพูดถึง “พล.อ.ป.ปลา” โดยเฉพาะจากคำทำนายของหมอดูในช่วงที่ผ่านมา ว่ามีดวงได้นั่งเก้าอี้นายกฯ ตามดวงจะมีทหารเข้ามาเป็นนายกฯบ้างหรือไม่

A : ทหารเข้ามาเป็นนายกฯ ไม่ใช่คุณประยุทธ์ (พล.อ.ประยุทธ์ จันโอชา ผบ.ทบ.) แน่นอน 100% ถูกมั๊ย คือดวงประเทศไทยปีหน้า...ปีหน้าไม่ใช่ทหารครับ ฟันธง 100% ปีหน้าปฏิวัติก็ไม่มี ไม่มีปฏิวัติ 100% ไม่มีทหารเป็นนายกฯแน่นอน

Q : ในปี 2555 หรือปี 2556 มีดวงคนที่เป็นทหารจะมานั่งเป็นนายกฯหรือไม่
A : ดวงนายกฯทหาร....ถ้ามีการเลือกตั้ง ในปี 2557 จะมีนายกฯเป็นทหาร

Q : มาจากการเลือกตั้ง ไม่ได้มาจากการปฏิวัติ
A : ไม่มีแล้วล่ะ ประเทศไทยจะมีเรื่องแรงๆอีกทีหนึ่งก็...ก็...ปีหน้าก็มี แต่ว่าผมไม่อยากจะพูดเลยเดี๋ยวโดน...!!!

Q : ดวงประเทศไทยจะดีขึ้นเมื่อไหร่
A : ประเทศไทยกว่าจะดีก็ปี 2556 ปี 2556 จะเป็นปีที่ประเทศไทยกลับมารุ่งเรือง...รุ่งโรจน์
…………………….
ประวัติส่วนตัว "ซินแสไฮเทค"
อ. มาศ เคหาสน์ธรรม ได้มุ่งมั่นศึกษาภูมิปัญญาโบราณของโลกตะวันออก โดยเริ่มต้นศึกษาวิชาจากอาจารย์ในประเทศไทยมากกว่า 10 ท่าน แล้วได้เดินทางไปขอเรียนรู้เพิ่มเติมจากอาจารย์ที่มีชื่อเสียงระดับโลกอีก หลายท่าน ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับการสืบทอดวิชาสายตรงจากปรมาจารย์ผู้คิดค้น โดยใช้เวลาค้นคว้ารวมทั้งสิ้นกว่า 26 ปี เพื่อรวบรวมองค์ความรู้ต่างๆที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วโลกนำกลับมาสู่ประเทศ ไทย จนเข้าใจถึงแก่นแท้ของแต่ละวิชา สามารถกลั่นกรองสาระความรู้ให้เป็นระบบ มีเหตุผลทางตรรกะวิทยา และมีหลักการทางวิทยาศาสตร์รองรับอย่างแท้จริง แยกออกจากเปลือกนอกที่มีแต่ความเชื่ออันงมงาย ไสยศาสตร์ ลัทธิศาสนาที่ปะปนอยู่เป็นจำนวนมาก จึงสามารถนำความรู้ที่ถูกต้องมาใช้ช่วยแก้ไขปัญหาแก่ผู้ที่มาปรึกษาได้อย่าง เป็นระบบ โดยผนวกเอาความรู้และวิทยาการของโลกสมัยใหม่กับภูมิปัญญาจากอารยธรรมโบราณ ผสานเข้าไว้ด้วยกันเป็นหนึ่งเดียว ทำให้ผู้ที่มาขอรับคำปรึกษาได้รับแนวทางในการจัดการและแก้ไขปัญหาได้อย่าง ถูกต้องเหมาะสม ต่างจากซินแสสมัยเก่าที่ขาดความรู้และความเข้าใจในสถานการณ์ความเปลี่ยนแปลง ของโลกในปัจจุบันอย่างแท้จริง อย่างเช่น ในสมัยโบราณไม่เคยมีตึกสูง ไม่มีศูนย์การค้าขนาดใหญ่ที่มีร้านค้าย่อยภายในเป็นจำนวนมาก ไม่มีรถยนต์ ไม่มีกระจกใสที่กั้นให้เฉพาะแสงผ่านได้แต่ลมไม่เข้า ไม่มีเครื่องใช้ไฟฟ้า จึงไม่มีคัมภีร์ใดบอกถึงวิธีบริหารกระแสพลังที่เกิดจากสิ่งเหล่านี้ แต่จะต้องเกิดจากการทำความเข้าใจหลักการของวิชาที่ลึกซึ้ง จึงจะสามารถนำมาประยุกต์พลิกแพลงใช้ได้ ซึ่งพบว่าตำราฮวงจุ้ยโบราณที่อาจารย์ส่วนใหญ่ศึกษากันอยู่ในปัจจุบัน มีการตีความและนำไปใช้งานกันอย่างไม่ถูกต้อง

การพัฒนาหลักวิชาฮวงจุ้ย

อ. มาศ เคหาสน์ธรรม ได้นำเทคโนโลยีทันสมัยมาใช้พัฒนาหลักวิชาฮวงจุ้ยโบราณโดยใช้อุปกรณ์ กล้องเข็มทิศนำร่อง สำหรับการเดินเรือจากสวีเดน ซึ่งเป็นประเทศที่เชี่ยวชาญด้านการเดินทะเลที่สุดในโลก และจานวัดองศาแบบใช้แสงพระอาทิตย์ มาใช้วัดค่าองศาของบ้านทดแทนการใช้เข็มทิศโบราณของจีนที่เรียกว่า “หล่อแก” ซึ่งช่วยเพิ่มความละเอียดในการวัดให้ความถูกต้องแม่นยำยิ่งขึ้น รวมทั้งมีเครื่องเคอร์เซอร์ ที่ใช้วัดการรบกวนของกระแส แม่เหล็กไฟฟ้า จากสภาพแวดล้อมรอบตัว เช่น พลังจากสายไฟฟ้า รถยนต์และสิ่งปลูกสร้างสมัยใหม่ซึ่งเต็มไปด้วยโลหะภายในที่มีผลรบกวนเข็มทิศ ในหล่อแกแบบเก่า ซึ่งทำให้ซินแสที่ไม่มีความรู้ทางวิทยาศาสตร์จะวัดองศาและคำนวณพลังธรรมชาติ ไม่ถูกต้อง จึงมักให้คำปรึกษาที่ผิดพลาดแก่ผู้ที่มาพบ นอกจากนี้ยังได้พัฒนาโปรแกรมการคำนวณทิศทางพลังงานของธรรมชาติโดยใช้แสงแดด เป็นคนแรกในโลก รวมทั้งการสร้างปฏิทินผูกดวงจีนแบบใช้การโคจรของดวงอาทิตย์ รวมทั้งบริวารทุกดวงที่ส่งผลต่อเทหวัตถุต่างๆบนโลก ใส่ลงในคอมพิวเตอร์ชนิดพกพา (PALM และ PPC) โดยอาศัยหลักการคำนวณทางวิทยาศาสตร์อย่างแท้จริง ทำให้ผลลัพธ์มีความเที่ยงตรงและถูกต้องสูงที่สุด ซึ่งได้เคยรับเกียรติเชิญให้นำออกไปแสดงในงานประชุมฮวงจุ้ยโลก เมื่อต้นปี พ.ศ.2547 ที่ผ่านมา เนื่องจากยังไม่เคยมีประเทศใดทำได้ดีถึงระดับนี้มาก่อน

อ. มาศได้รับเชิญให้ไปกล่าวปาฐกถาที่งานประชุมฮวงจุ้ยโลก ที่ประเทศสิงคโปร์ ในวันที่ 10 พ.ย.2550 นี้ โดยได้รับเกียรติให้กล่าวเป็นคนแรกของงาน ซึ่งมีผู้สนใจมาร่วมงานหลายพันคน โดยแต่ละคนจะต้องซื้อบัตรเข้าร่วมฟังราคาหลายพันบาท แถมมีงานเปิดตัวอย่างใหญ่โตเหมือนจัดคอนเสิร์ทอย่างไรอย่างนั้นเลยทีเดียว และยังมีผู้บริหารในคณะรัฐบาลสิงค์โปร์มาเป็นประธานเปิดงาน ซึ่งซินแสฮวงจุ้ยแต่ละท่านที่ได้รับเชิญมากล่าวปาฐกถาบนเวทีจะต้องเป็นผู้ ที่มีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับในระดับโลก

อ.มาศ เป็นซินแสระดับโลกที่เคยได้รับการสัมภาษณ์จากนิตยสารไทม์ (Time magazine) อีกทั้งในช่วงที่เรียนอยู่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เคยได้รับรางวัลโล่พระราชทานของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี และในปีที่เรียนจบก็ได้รับรางวัลนิสิตดีเด่นผู้สร้างชื่อเสียงและทำคุณ ประโยชน์ให้แก่มหาวิทยาลัยด้วย
...........................


No comments:

Post a Comment