KP Page
6:25 AM (edited) - PublicThai E-News: อดีตนักโทษ 112 เปิดใจ "ถ้าใครไม่ติดคุก ควรจะซาบซึ้งกับอิสรภาพ ไม่ต้องไปถูกกักขังเหมือนสัตว์"
ณัฐเอ่ยซ้ำไม่ต่ำกว่า 5-6 ครั้งตลอดการสนทนา ว่าเขาไม่เข้าใจจนบัดนี้ว่าทำไมแค่การส่งลิงก์ให้เพื่อนถึงเป็นความผิดในข้อหานี้ ลิงก์จากเนื้อหาซึ่งเขาไม่ได้เป็นคนทำเอง และไม่ได้มีส่วนใดๆ กับมันเลย ความไม่เข้าใจและงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับชีวิตยังอยู่มาจนวันที่ผ่านการจำคุกเป็นเวลากว่า 2 ปี และพ้นโทษออกมาแล้วก็ตาม
ผู้คุมบางคนก็พูดจาไม่ดีและหยาบคาย พูดขึ้น “มึง” ขึ้น “กู” ด้วย และปฏิบัติต่อนักโทษอย่างไม่ให้เกียรติ “ผมต้องนั่งคุกเข่า เขาก็ยืน นักโทษกับเจ้าหน้าที่จะเหมือนชนชั้นวรรณะ ตอนนั่งทำประวัตินักโทษใหม่ๆ นักโทษนั่งกับพื้น เจ้าหน้าที่จะนั่งเก้าอี้...การนั่งกับพื้นต่อหน้าเจ้าหน้าที่ มันน่าสมเพชตัวเอง ประชาชนทั่วไปไปติดต่อราชการยังไม่ทำแบบนี้เลย แล้วเขาพูดจาดูถูกและหยาบคาย”
บทเรียนสำคัญในคุกที่ณัฐอยากบอกกับสังคม คือปัญหาของกระบวนการยุติธรรมไทยทั้งหมด คดีส่วนใหญ่ที่เขาได้พบในเรือนจำเป็นคดีคนจน คดีหลักทรัพย์โดยคนไม่มีกิน ไม่มีงานทำ ในคุกทำให้เห็นว่าระบบยุติธรรมของไทยเลวร้ายมาก เพราะเล่นงานแต่คนจน มีคนที่จนมากๆ และไม่ได้ทำผิด แต่ติดคุก เพราะไม่มีเงินสู้คดี คนจนจึงติดคุกง่ายมาก ขณะที่คนรวยๆ ดูง่ายกว่าที่จะชนะคดี และมีโอกาสสู้คดีได้มากกว่า รวมทั้ง “เคลียร์” ตัวเองได้ง่ายกว่า เขาสรุปบทเรียนว่าระบบกฎหมายมันเอื้อให้เฉพาะกลุ่มคนมีเงินและมีอำนาจ
หรือแม้แต่นักโทษคดี 112 เท่าที่ได้สัมผัส เขาเชื่อว่าคนอย่างอากง หรือโจ กอร์ดอน ไม่ได้ทำผิดอะไรเลย เพราะต่างไม่ได้เป็นคนส่งข้อความหรือคนแปลเอกสารตามที่ถูกกล่าวหา หากกลับต้องประสบชะตากรรมเช่นนั้น ณัฐบอกว่าตามความเข้าใจของเขา สื่อเป็นสิ่งที่ทรงอิทธิพลมาก การประโคมข่าวซ้ำแล้วซ้ำเล่า ราวกับโฆษณาที่เปิดซ้ำๆ ทำให้คนเราสามารถไปเกลียดคนที่ก่อคดีต่างๆ โดยไม่เคยรู้จักกันมาก่อนได้
ที่สุดแล้ว เขาบอกว่าอยากให้สังคมคำนึงถึงความเป็นคนให้มากกว่านี้ เห็นค่าของความเป็นคนของทุกๆ คน อย่ามองคนเป็นแค่เศษฝุ่นหรือเศษอะไร...
http://thaienews.blogspot.com/2012/07/112_31.html
ณัฐเอ่ยซ้ำไม่ต่ำกว่า 5-6 ครั้งตลอดการสนทนา ว่าเขาไม่เข้าใจจนบัดนี้ว่าทำไมแค่การส่งลิงก์ให้เพื่อนถึงเป็นความผิดในข้อหานี้ ลิงก์จากเนื้อหาซึ่งเขาไม่ได้เป็นคนทำเอง และไม่ได้มีส่วนใดๆ กับมันเลย ความไม่เข้าใจและงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับชีวิตยังอยู่มาจนวันที่ผ่านการจำคุกเป็นเวลากว่า 2 ปี และพ้นโทษออกมาแล้วก็ตาม
ผู้คุมบางคนก็พูดจาไม่ดีและหยาบคาย พูดขึ้น “มึง” ขึ้น “กู” ด้วย และปฏิบัติต่อนักโทษอย่างไม่ให้เกียรติ “ผมต้องนั่งคุกเข่า เขาก็ยืน นักโทษกับเจ้าหน้าที่จะเหมือนชนชั้นวรรณะ ตอนนั่งทำประวัตินักโทษใหม่ๆ นักโทษนั่งกับพื้น เจ้าหน้าที่จะนั่งเก้าอี้...การนั่งกับพื้นต่อหน้าเจ้าหน้าที่ มันน่าสมเพชตัวเอง ประชาชนทั่วไปไปติดต่อราชการยังไม่ทำแบบนี้เลย แล้วเขาพูดจาดูถูกและหยาบคาย”
บทเรียนสำคัญในคุกที่ณัฐอยากบอกกับสังคม คือปัญหาของกระบวนการยุติธรรมไทยทั้งหมด คดีส่วนใหญ่ที่เขาได้พบในเรือนจำเป็นคดีคนจน คดีหลักทรัพย์โดยคนไม่มีกิน ไม่มีงานทำ ในคุกทำให้เห็นว่าระบบยุติธรรมของไทยเลวร้ายมาก เพราะเล่นงานแต่คนจน มีคนที่จนมากๆ และไม่ได้ทำผิด แต่ติดคุก เพราะไม่มีเงินสู้คดี คนจนจึงติดคุกง่ายมาก ขณะที่คนรวยๆ ดูง่ายกว่าที่จะชนะคดี และมีโอกาสสู้คดีได้มากกว่า รวมทั้ง “เคลียร์” ตัวเองได้ง่ายกว่า เขาสรุปบทเรียนว่าระบบกฎหมายมันเอื้อให้เฉพาะกลุ่มคนมีเงินและมีอำนาจ
หรือแม้แต่นักโทษคดี 112 เท่าที่ได้สัมผัส เขาเชื่อว่าคนอย่างอากง หรือโจ กอร์ดอน ไม่ได้ทำผิดอะไรเลย เพราะต่างไม่ได้เป็นคนส่งข้อความหรือคนแปลเอกสารตามที่ถูกกล่าวหา หากกลับต้องประสบชะตากรรมเช่นนั้น ณัฐบอกว่าตามความเข้าใจของเขา สื่อเป็นสิ่งที่ทรงอิทธิพลมาก การประโคมข่าวซ้ำแล้วซ้ำเล่า ราวกับโฆษณาที่เปิดซ้ำๆ ทำให้คนเราสามารถไปเกลียดคนที่ก่อคดีต่างๆ โดยไม่เคยรู้จักกันมาก่อนได้
ที่สุดแล้ว เขาบอกว่าอยากให้สังคมคำนึงถึงความเป็นคนให้มากกว่านี้ เห็นค่าของความเป็นคนของทุกๆ คน อย่ามองคนเป็นแค่เศษฝุ่นหรือเศษอะไร...
http://thaienews.blogspot.com/2012/07/112_31.html
Burmese Security Forces Target Muslims
Burmese security forces committed killings, rape, and mass arrests against Rohingya Muslims after failing to protect both them and Arakan Buddhists during deadly sectarian violence in western Burma in June 2012, Human Rights Watch says in a new report. http://www.hrw.org/node/109214
Burmese security forces committed killings, rape, and mass arrests against Rohingya Muslims after failing to protect both them and Arakan Buddhists during deadly sectarian violence in western Burma in June 2012, Human Rights Watch says in a new report. http://www.hrw.org/node/109214
ภิญโญ ไตรสุริยธรรม พรรคประชาธิปัตย์ : ประวัติศาสตร์และบาดแผล (1) -http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1343550007
คู่มือสแกนสวรรค์ 'เคป พันวา' จ.ภูเก็ต สุดยอด วิว ชายหาด อาหาร และ บริการ...! -http://www.thairath.co.th/content/life/279254
ต้มยำ 3 พริก ก๋วยเตี๋ยวปลาทีวีช่อง 3 เนื้อปลาสด ซุปรสแซบ -
ตั้งอยู่ในซอยตลาดแฮปปี้แลนด์ ถ้ามาจากลาดพร้าว เลี้ยวเข้าซอยฝั่งตรงข้ามเดอะมอลล์ ตรงไปเรื่อยๆ เลี้ยวมาทางโรงจำนำกรุงเทพ ร้านอยู่ทางขวามือตรงข้ามเซเว่นอีเลฟเว่น ร้านเปิดทุกวัน ยกเว้นวันจันทร์สุดท้ายของเดือน เริ่มแซบได้ตั้งแต่ 7 โมงเช้าถึง 6 โมงเย็น
http://www.thairath.co.th/column/life/soi/279480
ตั้งอยู่ในซอยตลาดแฮปปี้แลนด์ ถ้ามาจากลาดพร้าว เลี้ยวเข้าซอยฝั่งตรงข้ามเดอะมอลล์ ตรงไปเรื่อยๆ เลี้ยวมาทางโรงจำนำกรุงเทพ ร้านอยู่ทางขวามือตรงข้ามเซเว่นอีเลฟเว่น ร้านเปิดทุกวัน ยกเว้นวันจันทร์สุดท้ายของเดือน เริ่มแซบได้ตั้งแต่ 7 โมงเช้าถึง 6 โมงเย็น
http://www.thairath.co.th/column/life/soi/279480
ทิ้งห่าง"ประเทศไทย"หลายขุม ดูความสำเร็จการบริหารจัดการน้ำ"สิงคโปร์" - ข่าวไทยรัฐออนไลน์ -
สิงคโปร์เป็นเกาะที่ถูกล้อมรอบด้วยทะเล ทำให้ไม่มีแหล่งน้ำจืดเพียงพอกับการใช้น้ำของประชากรในประเทศ สิงคโปร์ จึงต้องซื้อน้ำดิบ จากมาเลเซีย เพื่อนำมาให้ประชากรได้ใช้ในการอุปโภค-บริโภค แต่การซื้อ น้ำกลับแพงขึ้นทุกปี ที่แย่ก็คือ มาเลเซียขู่จะไม่ส่งน้ำให้ จนทำให้ต้องตัดสินใจหันมารีไซเคิลน้ำทิ้งที่เกิดขึ้นในประเทศอย่างจริงจัง และผลักดันตัวเองให้กลายเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีด้านจัดการน้ำ จนอาจกล่าวได้ว่า สิงคโปร์เป็นประเทศที่มีความก้าวหน้าในเทคโนโลยีด้านนี้มากที่สุดในภูมิภาคเอเชียอาคเนย์
ปัจจุบันสิงคโปร์มีโรงบำบัดน้ำเสียที่นำน้ำเสียผ่านการบำบัดเข้าสู่ระบบจนได้ ้ำดีที่มีมาตรฐานคุณภาพสามารถดื่มได้ และใช้ในอุตสาหกรรมอยู่ถึง 4 โรง มีกำลังการผลิตรวมมากกว่า 17 ล้านแกลลอน หรือ 250,000 ลบ.ม./วัน รองรับ ความต้องการใช้น้ำต่อวันของชาวสิงคโปร์ได้อย่างน้อย 10% ของความต้องการทั้งหมด
ในปี 2061 สิงคโปร์จะสามารถมีน้ำดิบเพียงพอต่อความต้องการใช้ของประชากรโดยไม่ต้องพึ่งพาน้ำดิบจากมาเลเซียแล้ว และเป้าหมายนี้ทำให้รัฐบาล มุ่งมั่นที่จะบรรลุผลโดยเร็ว โดยการคิดค้นหาเทคโนโลยีใหม่ๆจากเวทีการประชุม เรื่องน้ำจากนานาชาติ เพื่อนำผู้เชี่ยวชาญจากทั่วโลกมาให้ความรู้แก่คนในสิงคโปร์
http://www.thairath.co.th/content/eco/280368
สิงคโปร์เป็นเกาะที่ถูกล้อมรอบด้วยทะเล ทำให้ไม่มีแหล่งน้ำจืดเพียงพอกับการใช้น้ำของประชากรในประเทศ สิงคโปร์ จึงต้องซื้อน้ำดิบ จากมาเลเซีย เพื่อนำมาให้ประชากรได้ใช้ในการอุปโภค-บริโภค แต่การซื้อ น้ำกลับแพงขึ้นทุกปี ที่แย่ก็คือ มาเลเซียขู่จะไม่ส่งน้ำให้ จนทำให้ต้องตัดสินใจหันมารีไซเคิลน้ำทิ้งที่เกิดขึ้นในประเทศอย่างจริงจัง และผลักดันตัวเองให้กลายเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีด้านจัดการน้ำ จนอาจกล่าวได้ว่า สิงคโปร์เป็นประเทศที่มีความก้าวหน้าในเทคโนโลยีด้านนี้มากที่สุดในภูมิภาคเอเชียอาคเนย์
ปัจจุบันสิงคโปร์มีโรงบำบัดน้ำเสียที่นำน้ำเสียผ่านการบำบัดเข้าสู่ระบบจนได้ ้ำดีที่มีมาตรฐานคุณภาพสามารถดื่มได้ และใช้ในอุตสาหกรรมอยู่ถึง 4 โรง มีกำลังการผลิตรวมมากกว่า 17 ล้านแกลลอน หรือ 250,000 ลบ.ม./วัน รองรับ ความต้องการใช้น้ำต่อวันของชาวสิงคโปร์ได้อย่างน้อย 10% ของความต้องการทั้งหมด
ในปี 2061 สิงคโปร์จะสามารถมีน้ำดิบเพียงพอต่อความต้องการใช้ของประชากรโดยไม่ต้องพึ่งพาน้ำดิบจากมาเลเซียแล้ว และเป้าหมายนี้ทำให้รัฐบาล มุ่งมั่นที่จะบรรลุผลโดยเร็ว โดยการคิดค้นหาเทคโนโลยีใหม่ๆจากเวทีการประชุม เรื่องน้ำจากนานาชาติ เพื่อนำผู้เชี่ยวชาญจากทั่วโลกมาให้ความรู้แก่คนในสิงคโปร์
http://www.thairath.co.th/content/eco/280368
นายกฯเลี้ยงฉลองละศีลอด เดือนรอมฎอนไทย - ข่าวไทยรัฐออนไลน์ -
เมื่อเวลา 19.15 น. วันที่ 31 ก.ค. 2555 ที่ตึกสันติไมตรี ทำนียบรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นเจ้าภาพงานละศีลอด เดือนรอมฎอน ปี ฮ.ศ. 1433 โดยมีคณะรัฐมนตรี ส.ส.-ส.ว. ผู้แทนเอกอัครราชทูตมุสลิมประจำประเทศไทย คณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย ผู้แทนองค์กรมุสลิมแห่งประเทศไทย และบุคคลสำคัญทางศาสนาอิสลาม ในจังหวัดภาคเหนือและภาคใต้ เข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง
http://www.thairath.co.th/content/pol/280324
เมื่อเวลา 19.15 น. วันที่ 31 ก.ค. 2555 ที่ตึกสันติไมตรี ทำนียบรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นเจ้าภาพงานละศีลอด เดือนรอมฎอน ปี ฮ.ศ. 1433 โดยมีคณะรัฐมนตรี ส.ส.-ส.ว. ผู้แทนเอกอัครราชทูตมุสลิมประจำประเทศไทย คณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย ผู้แทนองค์กรมุสลิมแห่งประเทศไทย และบุคคลสำคัญทางศาสนาอิสลาม ในจังหวัดภาคเหนือและภาคใต้ เข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง
http://www.thairath.co.th/content/pol/280324
KP Page
7:08 AM (edited) - Publicอัมสเตอร์ดัม ออกแถลงการณ์ยุติการทำหน้าที่ล็อบบี้ยิสต์ให้พ.ต.ท.ทักษิณ แฉ! 2 ปีได้ค่าจ้างแค่ 1.5 แสน
http://www.posttoday.com/การเมือง/168523/อัมสเตอร์ดัมประกาศยุติบทบาทล็อบบี้ยิสต์ทักษิณ
http://www.posttoday.com/การเมือง/168523/อัมสเตอร์ดัมประกาศยุติบทบาทล็อบบี้ยิสต์ทักษิณ
วันหมดอายุของแหล่งช็อปปิ้งย้อนยุค?ในทรรศนะ"ดวงฤทธิ์ บุนนาค" -
"โมเดิร์นวินเทจ" ที่เป็นปรากฏการณ์ความนิยมของสังคมมากว่า 1-2 ปี ไม่ใช่แค่เพียงแฟชั่นการแต่งกายที่ระบาดของสไตล์วินเทจขยายวงกว้าง กระแสนี้จะยังอยู่ในปรากฏการณ์สังคมได้นานขนาดไหน และความเป็น "โมเดิร์นวินเทจ" ตามช็อปปิ้งมอลล์นี้เป็นการย้อนยุคแบบ "ปรุงแต่ง" สำหรับคนเมือง แต่ไม่ได้อะไรในเชิง "สัมผัส" แท้จริงหรือไม่ คาดว่าวินเทจสไตล์น่าจะเป็นกระแสอยู่สัก 1-2 ปี
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1343575692
"โมเดิร์นวินเทจ" ที่เป็นปรากฏการณ์ความนิยมของสังคมมากว่า 1-2 ปี ไม่ใช่แค่เพียงแฟชั่นการแต่งกายที่ระบาดของสไตล์วินเทจขยายวงกว้าง กระแสนี้จะยังอยู่ในปรากฏการณ์สังคมได้นานขนาดไหน และความเป็น "โมเดิร์นวินเทจ" ตามช็อปปิ้งมอลล์นี้เป็นการย้อนยุคแบบ "ปรุงแต่ง" สำหรับคนเมือง แต่ไม่ได้อะไรในเชิง "สัมผัส" แท้จริงหรือไม่ คาดว่าวินเทจสไตล์น่าจะเป็นกระแสอยู่สัก 1-2 ปี
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1343575692
พิษณุ สุวรรณชฎ ทูตไทยในเมียนมาร์ "อีก 3 ปีเมียนมาร์จะเปลี่ยน..." -http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1343626207
จากชุดนายกฯถึงชาวเขมรถิ่นไทย ไม่ใช่แค่สวยแต่มีจุดเชื่อมโยง -
นางสาวยิ่งลักษณ์สวมใส่นั้นมีลักษณะการออกแบบคล้ายคลึงกับการแต่งกายของชาวไทยเขมร หรือชาวเขมรถิ่นไทย ซึ่งเป็นชาวพื้นเมืองจังหวัดสุรินทร์ ที่มีวัฒธรรมการแต่งกายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เสื้อที่ชาวเขมรถิ่นไทยสวมใส่นั้นมีลักษณะเป็นเสื้อคอกลมแขนกระบอกสีดำที่ย้อมดำด้วยผลมะเกลือ และใช้ผ้าจดอผาดไหล่ที่มีสีพื้นเป็นสีแดงและแซมด้วยสีอื่นเพื่อเป็นลาย
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1343656876
นางสาวยิ่งลักษณ์สวมใส่นั้นมีลักษณะการออกแบบคล้ายคลึงกับการแต่งกายของชาวไทยเขมร หรือชาวเขมรถิ่นไทย ซึ่งเป็นชาวพื้นเมืองจังหวัดสุรินทร์ ที่มีวัฒธรรมการแต่งกายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เสื้อที่ชาวเขมรถิ่นไทยสวมใส่นั้นมีลักษณะเป็นเสื้อคอกลมแขนกระบอกสีดำที่ย้อมดำด้วยผลมะเกลือ และใช้ผ้าจดอผาดไหล่ที่มีสีพื้นเป็นสีแดงและแซมด้วยสีอื่นเพื่อเป็นลาย
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1343656876
No comments:
Post a Comment