2010-06-16

P.เสถียร เศรษฐสิทธิ์

หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ | เตือนคุณล่วงหน้า ทุกคำ ทุกข่าว


วันที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2553 เวลา 11:30:18 น.  ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

เตือนจาก"เสถียร เศรษฐสิทธิ์" จะปฏิรูปศก.-สังคม-การเมือง "มาร์ค" ต้องก้าวข้าม "ทักษิณ"ไปให้ได้

 
"เสถียร เศรษฐสิทธิ์" เอ็มดี บริษัท คาราบาวตะวันแดงฯออกโรงแนะรัฐบาลหากคิดจะปฏิรูปปัญหาเศรษฐกิจ สังคม การเมือง ต้องก้าวให้พ้นคุณทักษิณให้ได้ เตือนอย่าใช้ความได้เปรียบทำลายล้างกัน "หากทำร้ายเขา เขาก็หาทางตอบโต้คุณ" แนะต้องรณรงค์ปชช.ยอมรับผลเลือกตั้งในอนาคต กันเสื้อแดง-เหลืองออกมาป่วนอีก

ในขณะนี้ภาคเอกชน นักธุรกิจ เครือข่ายต่าง ๆ ประสานเสียงรัฐบาลในเรื่องแผนปรองดองเพื่อให้ก้าวข้ามวิกฤตประเทศไทย สถาบันวิทยาการตลาดทุน (วตท.) ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เป็นอีกกลุ่มหนึ่งแม้จะถูกกล่าวขานว่าเป็นแหล่งรวมของกลุ่มระดับบนของประเทศ 10% ที่ครอบครองความมั่งคั่งของประเทศประมาณ 80% ก็ตาม แต่มีบทบาทสำคัญต่อการผลักดันหรือเยียวยาประเทศ ล่าสุดทางนักศึกษา วตท. 1-10 และสมาคมศิษย์เก่า วตท.ได้ร่วมกันจัดเสวนาในหัวข้อ "จุดเปลี่ยนประเทศไทย : ยุทธศาสตร์การปฏิรูปเศรษฐกิจและสังคมเพื่อก้าวข้ามวิกฤตการเมืองไทย" มีตัวแทนจากทุกรุ่นเข้าร่วม แต่จะนำเสนอเพียงบางส่วนเท่านั้น

ประเด็นที่ "เสถียร เศรษฐสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท คาราบาวตะวันแดง จำกัด" ซึ่งเป็นผู้หนึ่งที่เคยผ่านยุค 14 ตุลาคมมาแล้ว ได้เสนอข้อคิดเห็นว่า ประเด็นใหญ่ที่สังคมไทยเจอในวันนี้คือวิกฤตการเมืองที่ส่งผลกระทบอย่างกว้างขวางและลึกซึ้ง

"ผมคิดว่าปัญหาของเราขณะนี้สังคมไทยไม่เคยแตกแยก ร้าวลึก และกว้างขนาดนี้ เป็นปัญหาที่สะสมมาพอสมควร อย่างน้อยที่สุดตั้งแต่ปี 2548 เป็นต้นมา 4-5 ปีติดต่อกันมา เมื่อ 2 ปีที่แล้วเราเจออย่างเหตุการณ์ยึดสนามบิน ล่าสุดยึดราชประสงค์ วิกฤตการเมืองที่เกิดขึ้น ประเด็นหนึ่งใหญ่ ๆ มาจากที่คุณทักษิณ (ชินวัตร) ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี รัฐบาลต่อ ๆ มาโดยเฉพาะรัฐบาลนายกฯอภิสิทธิ์ (เวชชาชีวะ) พยายามเข้ามาแก้ปัญหาเหล่านี้ แต่ผมคิดว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาบ้านเมืองเราไม่สามารถก้าวพ้นไปไหนได้ เพราะไม่สามารถก้าวพ้นคุณทักษิณได้ ทุกอย่างในบ้านเมืองเรายังวนเวียนที่คุณทักษิณ ถ้าเรากำลังพูดกันว่า จากนี้ต่อไปถ้าเราจะปฏิรูปเศรษฐกิจ สังคม การเมือง ต้องก้าวให้พ้นคุณทักษิณให้ได้"

แต่ก่อนที่จะก้าวพ้นคุณทักษิณ ทุกฝ่ายต้องเข้าใจว่าคุณทักษิณทำอะไรมาบ้าง ในทางการเมืองหลายคนเรียกว่า "ระบอบทักษิณ" สิ่งที่เป็นระบบทักษิณนั้นคืออะไร คุณทักษิณเป็นคนที่ใช้ความสามารถในการบริหารจัดการและวิธีคิดที่ก้าวหน้ากว่านักการเมืองในยุคนั้น จนรวบรวมกลุ่มนักการเมืองมาเป็นพวกได้อย่างที่ไม่เคยทำได้มากมาก่อน มีการเทกโอเวอร์นักการเมือง พรรคการเมือง

สิ่งที่สำคัญไปกว่านั้นคือ คุณทักษิณสามารถที่จะสร้างนักการเมืองโนเนมขึ้นมา จนกระทั่งขึ้นมามีบทบาทในทางการเมือง เช่น แรมโบ้อีสาน คุณพายัพ ปั้นเกตุ คุณทักษิณสามารถปั้นคนเหล่านี้ขึ้นมาได้ เอานักการเมืองท้องถิ่นที่เห็นแววโดดเด่นมาสังกัดพรรคตัวเองและขึ้นมาเป็น ส.ส.ได้ ได้แสดงบทบาทที่ชัดเจน นี่เองที่ทำให้คุณทักษิณเหนือคนอื่นในเรื่องการเมือง

และสำคัญไปกว่านั้น ระบบการเมืองบ้านเรา การเข้าสู่อำนาจทางการเมืองต้องมีเงิน คุณทักษิณมีเงินมาก อันนี้เองทำให้คุณทักษิณมีอำนาจมาก

จากนี้ไปสิ่งที่รัฐบาลนี้ต้องการ คือ ก้าวพ้นคุณทักษิณในทางการเมือง ต้องคิดโจทย์นี้ว่าจะต้องแก้อย่างไร ประเด็นสำคัญที่พูดกันตลอดเวลาในทางการเมืองขณะนี้ คือ เรื่องสองมาตรฐาน ถ้ารัฐบาลยังวนเวียนในเรื่องพวกนี้คงก้าวไม่พ้นวิกฤตการเมือง และสังคมไทยเราต้องเข้าใจสิ่งที่กำลังต่อสู้อยู่นี้เป็นเรื่องการเมือง แต่เรากำลังผลักเรื่องการเมืองเป็นเรื่องก่อการร้ายหรือไม่ หากเราคิดและก้าวไม่พ้น ผลักไม่พ้นเรื่องการเมืองเหล่านี้ สิ่งนี้ (การประท้วง) จะวนเวียนกลับมา คือการเลือกตั้งในอนาคตอันใกล้ จะต้นปีหน้าหรือช้าที่สุดต้นปีหน้าเป็นต้นไปก็จะต้องเกิดขึ้น

สังคมไทยยอมรับหรือยังว่า จากนี้ไปเมื่อมีการเลือกตั้ง ผลการเลือกตั้งออกมาอย่างไร คนในสังคมไทยต้องยอมรับมัน มีคนบอกว่า หากเสื้อแดงมา เสื้อเหลืองออกมาประท้วงอีก เป็นเรื่องที่หวาดผวาในจิตใจพวกเราทุกคน วันนี้รัฐและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง จะต้องรีบรณรงค์เรื่องเหล่านี้ ว่าที่สุดแล้วประเทศนี้ไม่มีระบบอื่น จริงอยู่จะไม่ใช่ระบบที่ดีที่สุด แต่สังคมไทยที่สุดต้องมีการเลือกตั้ง แล้วทุกฝ่ายยอมรับผลการเลือกตั้งที่เกิดขึ้นในอนาคต ผมคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องรณรงค์ให้มีการยอมรับอย่างกว้างขวาง นี่คือการวางรากฐานที่จะทำให้การเมืองก้าวพ้นจากวิกฤต

"รัฐบาลต้องริเริ่มให้คนยอมรับ เรื่องนี้เป็นการต่อสู้ทางการเมือง ไม่ใช่การก่อการร้าย ซึ่งจะเป็นอันตรายต่อประเทศ หากผลการเลือกตั้งออกมาอย่างไรต้องให้มีการยอมรับ ในทางการเมืองต้องปล่อยให้มันเดินไป ที่สุดของมันแล้วการเมืองไม่มีมิตรแท้ศัตรูถาวร อย่าใช้ความได้เปรียบทำลายล้างกัน หากทำร้ายเขา เขาก็หาทางตอบโต้คุณ"

เช่นเดียวกันกับเรื่องเศรษฐกิจ การมาชุมนุมของคนเสื้อแดงจำนวนมากในระยะต้น คนอาจจะบอกว่าถูกจ้างมา ไหว้วานมา เกณฑ์มาจาก ส.ส. แต่การต่อสู้ที่ยืดเยื้อมา 2-3 เดือน ข้อมูลข่าวสารที่เกิดขึ้น ผมคิดว่าสังคมไทยยอมรับว่ามันมีปัญหาอยู่ในเรื่องความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ ความไม่เป็นธรรมในสังคม การเข้าถึงทรัพยากร ช่องว่างระหว่างรายได้ นี่คือพื้นฐานที่สุดที่คนเหล่านั้นสัมผัสและได้รับ หลายคนได้รับประโยชน์และเข้าใจว่าคุณทักษิณเคยช่วยเขาทาง

นโยบายด้านเศรษฐกิจที่สำคัญ ไม่ว่ากองทุนหมู่บ้าน โอท็อป โครงการเอื้ออาทร และที่สำคัญโครงการด้านสังคม อาทิ การเรียนฟรี, 30 บาท รักษาทุกโรค เป็นสิ่งที่ประชาชนไม่เคยได้รับก่อนหน้านี้ แต่คุณทักษิณทำให้คนเหล่านี้รู้ว่าสิ่งเหล่านี้เป็นสิทธิเขาควรได้รับ ไม่ใช่เป็นเรื่องที่เขาจะได้จากสภาพความเมตตา จากสังคมสงเคราะห์ เมื่อภัยหนาวมาเอาผ้าห่มมาบริจาค น้ำท่วมมาก็หยูกยารักษาโรคมาแจก แต่เป็นเรื่องที่เขาสามารถเข้าถึงทุนในกองทุนหมู่บ้าน สิทธิการเข้าถึงการรักษาพยาบาลได้ในฐานะที่เขาเสียภาษี นโยบายเหล่านั้นทำให้คนเหล่านี้จำนวนมากยอมรับคุณทักษิณเข้ามามีส่วนที่ทำให้เขาเข้าถึงโอกาสและชีวิตที่ดีกว่า

ผมคิดว่าเรื่องใหญ่ ๆ ถ้าหากรัฐบาลจะก้าวข้ามคุณทักษิณ ในเรื่องเศรษฐกิจจะต้องมีนโยบายที่ชัดเจนและชัดแจ้งที่เหนือกว่าคุณทักษิณ ต้องมียุทธศาสตร์นโยบายเศรษฐกิจที่ชัดเจน ประเทศไทยไม่มีเงินเยอะ ทุกเรื่องที่เราต้องใช้อย่างถูกต้องแม่นยำ เศรษฐกิจต้องมียุทธศาสตร์ชัดเจนที่สอดคล้องกับความเป็นจริงของสังคมไทย เช่น นโยบายทางด้านพลังงาน ผมเห็นว่าประเทศไทยเรามีขีดความสามารถในการผลิตแก๊สโซฮอล์ได้ดีเพราะเรามีพืชเกษตรจำนวนมาก เราแค่ประกันราคาแก๊สโซฮอล์ลิตรละ 20 บาท จะมีคนปลูกมันสำปะหลังจำนวนมาก หรือเรื่องชลประทานเราควรลงทุนชลประทานขนาดใหญ่ เขื่อน คู คลอง ระบบชลประทานที่สมบูรณ์ รวมทั้งรัฐต้องลงทุนซื้อเทคโนโลยีการเกษตรที่ทันสมัย
"เราบอกว่าเราอยากผลักดันเศรษฐกิจ ออก พ.ร.ก.กู้เงินมากมาย โครงการไทยเข้มแข็งปีที่แล้วบอกว่ามีเงินหลายแสนล้านบาท เรากระจายทำไปทั่ว แต่มีวัตถุประสงค์ไปหาเสียงไม่ใช่แก้ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ หากทำจริง ๆ ก็แก้ปัญหาในชนบทได้"

ส่วนเรื่องทางสังคม เรื่องการศึกษา หลายรัฐบาลที่ผ่านมาไม่สนใจดูแลอย่างจริงจัง คุณทักษิณให้เรียนฟรี 12 ปี รัฐบาลนี้เรียนฟรี 15 ปี สังคมไทยไม่ควรพูดเรื่องเรียนฟรีแต่ควรจะพูดเรื่องคุณภาพทางการศึกษาและผลิตผลทางการศึกษา โรงเรียนวัดไม่มีใครเรียนกลายเป็นโรงเรียนของคนจน ดังนั้นจุดเริ่มต้นทำให้โรงเรียนเล็กลง ทำห้องเรียนเล็กลง ไม่ใช่ห้องหนึ่งมี 50 คน ครูดูแลไม่ทั่วถึง แต่รัฐบาลคิดแต่เรื่องจะไปสู้กัน ไปทำเรื่องลดแลกแจกแถม เรียนฟรี 12 ปี 15 ปี หรือรักษา 30 บาท อีกคนบอกว่า 30 บาทไม่เก็บเลย...เพ้อเจ้อ ทำไมต้องเรียนฟรี ลูกคนรวยที่เรียนสามเสน สวนกุหลาบเขาพร้อมจะจ่าย เขาไม่ได้อยากเรียนฟรี หรือคนจำนวนหนึ่งที่พร้อมจะจ่ายค่ารักษาพยาบาล พอรัฐให้รักษาฟรี รัฐต้องตีมูลค่าเป็นหัว หัวละ 1,700 กว่าบาท อย่างผมไม่เคยใช้ประกันสังคม โรงพยาบาลก็รับฟรีเพราะรัฐต้องจ่ายให้ผม

นอกจากนี้ เรื่องเร่งด่วนที่ต้องแก้ไขทางสังคม คือ ต้องเยียวยาจิตใจผู้คน คนในหมู่บ้านมีเสื้อต่างสีมากมาย สิ่งที่เขาทำความดีถูกเลือนหายเพราะสีที่ต่างกัน ความคิดที่ต่างกัน เป็นเรื่องที่ต้องพูดกัน ไม่ใช่ออกสโลแกนว่า รักในหลวงต้องไม่ไปร่วมชุมนุม ไม่ควรเอาสถาบันมาเกี่ยวข้อง ถ้าผมไปชุมนุมก็หาว่าผมไม่รักในหลวง หรือชาวพุทธไม่ใช้ความรุนแรง ดังนั้นรัฐต้องจริงใจจริงจังในการแก้ไขปัญหา เพราะมันร้าวลึกมาก

"ผมออกกำลังกายตอนเช้า ถ้าวิ่งผ่านคนที่เขาพูดเรื่องการเมือง พอเราเดินใกล้เขาจะไม่พูดต่อ เขาไม่รู้ว่าเราจะคิดเห็นเหมือนเขาหรือไม่ ในสังคมประชาธิปไตยไม่จำเป็นต้องคิดเห็นเหมือนกัน แต่นี่ในสังคมที่เกิดการเผชิญหน้า คนที่คิดเห็นไม่เหมือนกันต้องทำลายล้างกัน จึงเกิดความหวาดระแวง เรากำลังผลักดันให้ประเทศไปสู่ยุคสงครามเย็นหรือเปล่า คนที่มีหน้าที่ในสังคมต้องคิดเรื่องเหล่านี้ ทุกคนเครียดหมกับสภาวะที่เป็นอยู่อย่างนี้"

http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1276662167&grpid=02&catid=no

P.2010.06.16 - คำเตือนจากเสถียร เศรษฐสิทธิ์

No comments:

Post a Comment