2010-07-04

P.ฉันนับถือลัทธิเรื่อยๆ

สุเมธ ตันติเวชกุล / นายกรัฐมนตรี เป็นเจ้าภาพจั...Image via Wikipedia"สุเมธ" เผย "ในหลวง" ทรงห่วงคนไทยใช้วิถีชีวิตฝรั่ง ลืมหลักคิดไทย
วันศุกร์ที่ 02 กรกฏาคม 2010 เวลา 15:21 น.

"ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล" เผย "ในหลวง" ทรงห่วงคนไทยใช้วิถีชีวิตฝรั่ง ลืมหลักคิดไทย ยกกระแสพระราชดำรัส "ทุจริตนิดเดียวขอให้มีอันเป็นไป" สอนคนไทยรักบ้าน ไม่ให้บ้านพัง แนะ "ปลัดจังหวัด-นายอำเภอ" น้อมนำพระราชดำรัสทำงานสนองชาติ-ปชช. ทรงห่วงเตือนสถานการณ์บ้านเมืองไม่สงบสุข

พัทยา (2 ก.ค.) นายสุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา ได้บรรยายในการประชุมสัมนาเชิงปฏิบัติการปลัดจังหวัดและนายอำเภอทั่วประเทศ ในหัวข้อ "การน้อมนำพระราชดำรัสไปปฏิบัติเพื่อให้บ้านเมืองมีความมั่นคงเป็นปกติสุข" ซึ่งได้กล่าวถึงการน้อมนำเอาพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ชี้แนะแนวทางการปฏิบัติงานให้แก่ผู้เข้าร่วมการสัมมนาใจความตอนหนึ่งว่า ประโยคที่ว่า "เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม"

ประโยค แรกที่ว่า "เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม" พระองค์ท่านไม่ใช้คำว่า "ปกครอง" เพราะ คำว่า ปกครอง แสดงถึงการใช้อำนาจ ใช้กฎหมาย บริหารราชการแผ่นดิน แต่ทรงใช้คำว่า "ครอง" คือการรักษาแผ่นดินโดยใช้ความรัก ความเมตตา ไม่ใช่อำนาจ นั่นคือ ธรรมาภิบาล ใช้ธรรมะ ความดี ความถูกต้อง ในฐานะข้าราชการ ต้องรับใส่เกล้า ประโยคที่สอง คือ "เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม" คือเป้าหมายในการครองแผ่นดิน ที่ใช้คำว่า "ประโยชน์สุข" โดยไม่พูดถึงประโยชน์สุขเรื่องเงินทอง เพราะในแต่ละฝ่ายนั้น มีงบประมาณ แต่ถ้าไม่ใช้ให้เกิดประโยชน์ ความสุขก็เกิดไม่ได้ ความร่ำรวยไม่สำคัญเท่าสติ ปัญญา ทรงข้ามคำว่า เงินทอง อย่าหลงติดกับบริโภคนิยม ทุนนิยมที่กำลังครองโลก เราไม่มีปัญญาใช้เงินให้เป็นประโยชน์ก็ป่วยการ

นายสุเมธ กล่าวว่า คนไทยชอบได้ยินพระเจ้าอยู่หัว ชอบเห็น แต่ไม่เคยฟังจึงไม่เข้าใจสิ่งที่พระองค์ท่านแสดงออกให้เห็นผ่านโครงการต่างๆ ฝ่ายปกครองบอกมีโครงการหลายโครงการ แต่ไม่ยอมมองทะลุไปหาความหมายโครงการ เมื่อสองสามวันนี้ มีสื่อมาสัมภาษณ์ตนเรื่องภัยแล้ง แต่อีกสองสามวันก็จะมีปัญหาน้ำท่วมอีก แล้วท่านทำงานแบบงบน้ำแล้งยังไม่หมด งบน้ำท่วมมาอีกแล้ว แล้วมาบอกน้ำไม่มี เราไม่สร้างที่เก็บไว้ให้เพียงพอ หนองบึงธรรมชาติก็ปล่อยให้ตื้น ไม่ขุดลอก จากตัวเลขข้อเท็จจริง ปีที่น้ำแล้งที่สุดกับสมบูรณ์ น้ำต่างกันสิบเปอร์เซ็นต์ น้ำมีมหาศาล แต่เราต้องบริหารจัดการให้เป็น เหมือนมีเงินก็รู้จักฝากธนาคาร

นาย สุเมธ กล่าวต่อว่า การปฏิบัติทุกอย่างของข้าราชการ เกี่ยวกับประโยชน์ส่วนรวม ไม่ใช่ส่วนตัว เมื่อส่วนรวมอยู่ไม่ได้ ส่วนตัวก็อยู่ไม่ได้ เราต้องทำหน้าที่ให้บริบูรณ์ การเตือนมีหลายรูปแบบ แต่ต้องทำหน้าที่ให้บริสุทธิ์ สมบูรณ์แบบ อย่าคิดแต่แค่เรื่องแต่งตัว ต้องใช้สติปัญญาความรู้ความสามารถจนเกิดประโยชน์อย่างดีที่สุด พึงสังวรสถานะของพวกคุณเอาไว้ว่า เป็นข้าราชการ ใครถามบอกว่า รับราชการ คือรับงานจากพระเจ้าอยู่หัวมาปฏิบัติ

"ผมเคยกราบบังคมทูลถามพระองค์ ท่าน เรื่องอาชีพ ตอนจดแจ้งมูลนิธิชัยพัฒนา พระองค์ท่านรับสั่งว่า ถ้าใครถามว่า ฉันทำอาชีพอะไร ให้บอกว่า ทำราชการ ทรงทำราชการ แต่พวกเรารับราชการ เราต้องเข้าใจความหมายระหว่างกัน พระเจ้าแผ่นดินเป็นภารกิจที่สูงส่ง ยึดมั่นคุณธรรมเป็นที่ตั้ง เราจะทำให้คนทุกคนเป็นคนดีไม่ได้ แต่หน้าที่ภารกิจของเรา คือทำอย่างไรให้บ้านเมืองปกติสุข ก็ต้องพยายามส่งเสริมคนดีให้ได้ทำหน้าที่ หลายคนอาจมาบ่นกับผมว่า ทำดีเท่าไหร่ก็ไม่ขึ้น คนสอพลอได้ดี ก็ไม่ต้องไปสนใจ ให้ทำดีต่อไป"


นายสุเมธ กล่าวด้วยว่า อย่านึกว่า ชีวิตไม่เคยเจอแบบเดียวกัน ขอเรียนว่าเขาจบตรี โท เอก ต่างประเทศ ติดชั้นโทแปดปี ทำอย่างไรก็ไม่ได้ขึ้น มาอยู่ผิดที่ผิดทาง เป็นนักรัฐศาสตร์ แต่ไปอยู่สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ยิ่งกว่าไม่ได้ผุดได้เกิด ตำแหน่งชั้นเอกว่างทีไร ไม่ว่าตำแหน่งเศรษฐกรเอก วิทยากรเอก ก็เข้าไม่ได้ แต่ตนไม่สนใจ ทำไปเรื่อย และนิสัยตนไม่ประจบประแจง ชอบเถียงนาย คนอื่นสองขั้นกระโดดพรวดได้ แต่สุดท้ายก็ได้เลื่อนขึ้นมาตามลำดับ ได้เป็นเลขาธิการ ก.พ.จนได้ คนที่เคยเป็นนายตน กลับมาเป็นรองตน ใครจะรู้ว่า อะไรจะเกิดในชีวิต ทำทุกอย่างให้ดีที่สุด เพราะ ไม่มีใครอยากตัน อยากแป๊ก ให้ กัดฟันทำ ลุยไปเรื่อย เอางานนำ มันเป็นการทดสอบว่า เราอดทนแค่ไหน แล้วก็ถึงคราวเรากระโดดบ้าง ขอให้ข้าราชการอย่าเสียกำลังใจ มันเป็นวิถีชีวิต หรือดวง หรืออะไรก็ตาม ให้ทำด้วยความอดทน

นายสุเมธ กล่าวย้ำว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์มีพระบรมราโชวาท 3 ต.ค.47 ให้ผู้ว่าฯ ที่เอาฝรั่งมาอบรมกันที่หัวหิน จนคนวิจารณ์กันมาก ผมและคนไทยอีกสองสามคนถูกตามตัวในวินาทีสุดท้ายให้ไปอบรม และได้มีโอกาสเข้าเฝ้าฯ

"พระองค์ท่านทรงเป็นห่วงว่า เราใช้วิถีชีวิตแบบฝรั่ง แนวคิดแบบฝรั่ง แต่เราต้องมีหลักคิดไทย ต้องรู้ไทยบ้าง ไม่ใช่บริหารแบบชอบอะไรก็บูรณาการ ผู้ว่าบูรนาการเป็นอย่างไรไม่รู้ ฟังแล้วไม่ค่อยเข้าใจ ในกระทรวงมหาดไทย มีเรื่องทุกอย่าง ไม่ใช่บริหาร ปกครอง มีการพัฒนาด้วย รัฐศาสตร์ก็ต้องใช้ นิติศาสตร์ก็ต้องใช้ เศรษฐศาสตร์เช่นกัน ผู้ว่าฯนั้น ต้องมองหมดทุกสิ่งทุกอย่าง บทเรียนบทแรกที่ผมได้รับในปี 24 คือ ให้เคารพสังคม ดูดินน้ำลมไฟ ไม่ใช่เปิดกฎหมายดูหลักปกครอง ต้องดูสิ่งแวดล้อม รู้จักสิ่งแวดล้อม ให้ความเคารพสิ่งแวดล้อม เหนือก็แบบหนึ่ง ภาคกลางก็แบบหนึ่งต้องรู้ และพระองค์ท่านมีอีกอย่างหนึ่งคือสังคมว่า นอกจากดินน้ำลมไฟต่างกันคนแต่ละภาค ก็คิดไม่เหมือนกัน นั้นหมายถึงนักปกครองจะต้องรู้รอบหมด ต้องครองอำเภอ ครองจังหวัด ครองเขตให้เจริญ ให้ประชาชนสงบสุขให้ได้ อยากให้ใช้คำว่า ครอง เพราะมันใช้ความรัก ความเมตตา แต่ปกครอง คือการปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบที่กำหนดไว้เท่านั้น พระองค์ท่านได้ทรงแช่งว่า ทุจริตนิดเดียวขอให้มีอันเป็นไป ในวันข้าราชการพลเรือน ดัง นั้นขอให้ทุกคนนึกถึงประโยชน์ของแผ่นดิน และความถูกต้องเป็นธรรม"

นาย สุเมธ กล่าวย้อนกลับไปถึงคำว่า "เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม" นั้นว่า เพื่อประโยชน์สุข หน้าที่ของปลัดจังหวัดและนายอำเภอ คือทำให้แผ่นดินสงบ และมีความเป็นธรรม แต่เป็นเรื่องยาก เจอญาติ เจอผู้มีอิทธิพล นายสั่ง นายฝาก ต้องมีจิตใจเด็ดเดี่ยว แผ่นดินต้องมาก่อน ตนเคยอยู่ในป่า 11 ปี ช่วงที่มีการก่อการร้าย ตนเคยถูกยิง เคยเกือบขึ้นเฮลิคอปเตอร์ที่ระเบิด ไปทำงานเสี่ยงตาย เพราะต้องการอยู่ในแผ่นดินนี้ จะไปอยู่ต่างประเทศในฐานะคนอพยพทำไม เจ้าของบ้านเขาก็มองว่า ไปอาศัยแผ่นดินเขาอยู่ ตนไม่เอา บางครั้ง เรานึกถึงตัวเราเองเกินไป เราต้องรักษาแผ่นดินให้เราอยู่ได้ด้วย ไม่ใช่รักษาให้ใครเลย เรานึกว่า ทำงานเพื่อส่วนรวม เพื่อแผ่นดิน เป็นการเสียสละ ไม่ใช่ เป็นการทำของคนฉลาด เพราะเราก็อยู่บนแผ่นดินในส่วนรวมเดียวกัน

นายสุเมธ เล่าว่า การเตือนพวกเด็กวัยรุ่นที่มาอบรมยากที่สุด ไม่เอาไหน เล่นแต่ตู้เกม วันๆ คิดแต่เรื่องอะไรก็ไม่รู้ ไปสอนเรื่องคุณธรรมก็ไม่ฟัง ตนก็บอก ไม่ฟังไม่ว่า แต่ขอแนะนำให้ก้มลงดูตีนตัวเองหน่อย เด็กก็ถามว่า ดูทำไม พอก้มลงดู ก็ถามว่า ยืนอยู่บนอะไร ยืนอยู่บนแผ่นดินไทย แต่เรา ไม่ค่อยนึกถึง ไม่เคยลองนึกดูว่า แผ่นดินไทยไม่มี ชาติไม่มี แล้วจะมีที่ยืนหรือ บ้านช่องคนอื่นคิดว่า เขาอยากให้เราอยู่หรือ ต้องดูแลบ้านเกิด ต้องมีที่สำหรับตัวเราเอง ถ้าไม่รักษาบ้าน วันๆ จะทำให้บ้านพังทลาย สุดท้ายเราก็ไม่มีที่อยู่เท่านั้นเอง ใน การทำหน้าที่อะไรต่างๆ จิตใจต้องเข้มแข็ง ตนเป็นข้าราชการ เกษียณมา 11 ปี ก็ไม่เคยหยุดงาน ก็ไม่เห็นเดือดร้อนอะไร

พระองค์ก็ทรงรับสั่งว่า "ฉันนับถือลัทธิเรื่อยๆ" ทรงเป็นพระอารมณ์ขันที่แฝงความจริงว่า ทำไปเรื่อยๆ บางครั้งก็รับสั่งว่า "ฉันใช้หลักสังฆทาน ให้ไปเรื่อยๆ ให้ไม่กำหนดว่าให้ใคร" เขาก็ใช้หลักที่ทรงพระราชทาน ชีวิตเหนื่อย แต่ก็มีความสุข ความสงบ ไปไหนก็มีแต่เพื่อน มีคนรัก เมื่อทำไปสักพัก ไม่ต้องเด็ดเดี่ยว มั่นคงแล้วเพราะมันกลายเป็นนิสัย แบบที่พระสอนว่า ทำธรรมะให้เป็นนิสัย นึกถึงตัวเองทีหลัง ก็ไม่ได้รู้สึกลำบาก ทุกข์ร้อนอะไร ขอให้ลองทำดูแล้วจะรู้ ช่วยเหลือประชาชนให้พึ่งตนเองได้ พอไปช่วยเขา ก็มีเพื่อน และตอบแทน

คนไทยเป็นคนกตัญญู ใครทำดีด้วยก็ตอบแทน อย่านึกว่า ความเสียสละเราไม่ได้รับอะไรตอบแทน เราได้รับทุกวัน ได้รับมิตรภาพ ได้รับความรู้สึกดีๆ ได้รับความเมตตา ไอ้เรื่องเล็กๆ น้อยๆ บางเรื่องอย่างใครมาว่า อย่าไปใส่ใจ อะไรถูกต้องเราก็ทำ ทรงสอนหลายอย่าง ทรงสอนแม้กระทั่งพฤติกรรมประจำวัน ทรงสอนให้รู้จักรับฟัง รับฟังอย่างฉลาด อย่านึกว่าตัวเองเก่ง เวลาทรงงานเสร็จ สำนวนที่ทรงใช้คือ ไปตามพรรคพวกมา คือรู้เลย ต้องการทีมงานผู้เชี่ยวชาญชลประทาน ดิน แผนที่ มาปรึกษากัน ท่านทำอะไรทรงปรึกษา ถามความเห็นตลอดเวลา โปรดให้ตอบไปตามตรง ที่เป็นเสือคล้อยตามไปหมด ไม่โปรดเลย

นายสุเมธ กล่าวต่อว่า ในการดำเนินโครงการ คงแปลกใจหรือไม่ที่รู้ว่า ท่านทรงทำประชาพิจารณ์ทุกโครงการของท่าน และทำอย่างแท้ด้วย ไม่ใช่รูปแบบที่เราชอบทำ เรียกประชุมชาวบ้าน ถามว่า เอาไม่เอา ท่านทำตั้งแต่วันแรกที่คิดโครงการ เสด็จพระราชดำเนินไปหาประชาชน กางแผนที่อยู่ท่ามกลางประชาชน นายอำเภอ หรือข้าราชการที่ได้เคยตามเสด็จ จะเป็นพยานได้ดี ทรงทำประชาพิจารณ์ แล้วตรัสด้วยถ้อยคำธรรมดา อธิบายว่า ทำอย่างไร แล้วทรงถามประชาชนว่า เห็นด้วยไหม บางแห่งประชาชนก็เสนอความเห็นที่ต่างไป เพราะรู้จักพื้นที่ดีกว่า พระองค์ก็ไม่ได้ขัด ดูแล้วประชาพิจารณ์รอบวง พอประชาชนเกลี่ยประโยชน์ได้ครบถ้วนหมดแล้ว ก็กลับมาที่ฝ่ายปฏิบัติ คือพวกท่าน ว่านายอำเภอ ป่าไม้ ชลประทานจังหวัด ว่า ประชาชนพร้อมแล้วพวกท่านพร้อมหรือไม่ ทรงถามหมดเลยแต่ละโครงการ บางโครงการในภาคใต้ ประชาชนไม่เอาก็ไม่เอา โครงการพระราชดำรินั้น หน่วยงานชอบไปขู่ให้เอา แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่ ทรงเป็นประชาธิปไตย จริงๆ ต้องรับฟัง อย่าใจร้อน พระองค์ท่านสอนเสมอให้ดูของเก่า พื้นฐานเดิมเป็นอย่างไร บ้านช่องตรงนี้ไม่ต้องรื้อ พื้นฐานไม่ดีก็ต่อเติม อย่าไปใจร้อน ค่อยๆ แก้ไขใจเย็น หลายคนชอบของสำเร็จรูป รีบเอาของใหม่มาแต่ง แต่บางครั้งเรายังไม่พร้อมรับของใหม่ก็ป่วยการ

"ในปี 50 สถานการณ์เริ่มไม่ดี ทรงเคยเตือนให้สังวร สงบ สามัคคี คิดถึงชาติเป็นที่ตั้ง ปัญหาที่เกิดขึ้นตอนนี้ก็มาจากยึดตัวเอง ยึดพวกเป็นที่ตั้ง พอประเทศชาติพัง ตัวเองจะไปอยู่ไหน ขอให้คิด ปีนั้นเตือนมากเป็นพิเศษ เตือนเรื่องคิดถึงส่วนรวม ไมตรีจิต เมตตา เงื่อนไขให้เกิดความไม่สงบบ่อยครั้ง ทรงเตือนมาสามปีล่วงหน้า และทรงปรารถนาอยากเห็นคนไทยมีความสุข แต่ความสุขนั้น เราต้องให้ความรัก ความเมตตา ให้อภัย ไม่โกรธ มุ่งดี มุ่งเจริญต่อกัน ในปีนี้ก็ตั้งคณะกรรมการปรองดองแห่งชาติ แปลกไหม มันเกิดอะไรในบ้านเมือง ถ้าเราปฏิบัติแบบให้อภัย มีเมตตากัน ก็ไม่ต้องมีคณะกรรมการ คนคิดต่างกันไม่มีปัญหา แต่ชาติบ้านเมืองมาก่อนได้ไหม ขอแค่นี้ข้อเดียว จะใส่เสื้อสีอะไรก็เชิญ สีไหนก็ลูกท่าน ทุกคนยืนอยู่บนดินเดียวกัน ที่ฝ่ายปกครอง และประชาชนต้องช่วยกันรักษา ในฐานะที่เรารับราชการ"

http://www.atnnonline.com

P.2010.07.02 - ฉันนับถือลัทธิเรื่อยๆ
Enhanced by Zemanta